วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

my vacation my sunshine my power with friends



" This is special time "

you and me

better together


@AMERA VILLAS SAMUI

11/06/2017


ไปทะเลเพราะเธอมีเขา



     ฮายยย ไม่ได้เขียนบล็อกมาสักพักใหญ่ๆและเนอะ พอดีช่วงเรียนมีโปรเจคและค่อนข้างทุ่มเทให้โปรเจคมากๆ เลยไม่มีเวลามาเขียนอะไรเก็บไว้เลยอ่ะ ตอนนี้ก็ปิดเทอมและก็ขอเขียนย้อนหลังช่วงไปเที่ยวกับเพื่อนหน่อย
     ทริปนี้ไปสมุย จริงๆจะไปกัน 7 คน แต่ว่ามีเหตุขัดข้องนิดนึงเลยทำให้ได้ไปกัน 6 คน เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษ เพราะจองเครื่องไม่ทันเนื่องจากจองล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียวราคาจึงแพงมากๆ พวกเราเลือกพักที่ Amera villas ที่อยู่หน้าทอน เป็นที่สงบเพราะเราค่อนข้างเลือกไปพักผ่อนมากกว่าที่จะไปเล่นน้ำทะเลกัน เราไปเที่ยวกัน 3 วัน 2 คืน
      เริ่มแรกออกจากสถานีบางซื่อ พอถึงสุราษฎร์ธานีก็เช้าพอดีเราแวะกินข้าวมันไก่ตรงข้ามสถานีและตัดสินใจนั่งรถเมย์แทนแท็กซี่ ในราคา 15 บาทด้วยความเร็วเท่ากับเดิน ไปลงที่ ซีทรานครูซ หลังจากนั่งเรานั่งรถบัสต่อไปที่ seatran ferry เพื่อไปลงที่สมุย พอถึงสมุยเราแวะไปลงที่โลตัสเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารกันที่พัก พอถึงที่พักเราก็ตัดเตรียมทำอาหาร กินข้าว ล้างจาน สนุกสนาน เล่นสนะน้ำส่วนตัว ที่พักสวยมากห้องกว้าง วิวสวย ติดตรงที่การเดินทางมาที่พักค่อนข้างลำบากเนื่องจากเขาค่อนข้างชัน
       วันต่อมาเราเที่ยวกันทั้งวัน และตั้งใจกินอาหารทะเล มื้อนั้นเรากินกันไป 2,000 บาท หลังจากเที่ยวหินตาหินยาย กินอาหารร้านเสบียงเลเสร็จ เราก็ไปตรงจุดชมวิวนั่นเอง หลังจากเดินเสร็จเราก็ต่อไปที่บ่อพุด เพื่อจะเตรียมเล่นน้ำตอนเย็น เราไปเจอคาเฟ่ CupD เพื่อนั่งรอเวลาเล่นน้ำ พักผ่อนตามสบาย บังเอิญร้านนี้มีบริการนวดด้านข้าง เราเป็นชอบนวดเลยโดนไป 350/ชม นวดเสร็จก็ฟิน เผลอหลับไป หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นที่ชายหาดกัน เราไม่เล่นน้ำเลยเฝ้าของให้เพื่อน โดยไปนั่งที่ร้าน บันดารารีสอร์ท มีแต่ฝรั่ง ต่อนข้างชิว พอถึงเวลากลับเราก็ซื้อเครื่องดื่มเตรียมปาร์ตี้วันนี้ที่บ้านพัก

        ตอนเช้าเราตื่นมาทำอาหารเพื่อเตรียมตัวกลับกัน มื้อนี้ทึกคนค่อนข้างจะเหนื่อยๆ ขากลับถึงสุราษฎร์ธานีฝนกำลังจะตกพอดี ขากลับนั่งรถไฟนอน ตอนกลางคืนหลัลสบายเพราะเพลียมาก หลังจากนั้นเราปวดท้องมากๆ พอเลยพาเข้าบริษัทที่พ่อทำงานอยู่และพากลับบ้าน เหนื่อยมากแต่สนุกมาก เหมือนมาเติมพลังกับคนรู้ใจ



ขอบคุณ เตย บิว นัท ปติน กุ๊กกิ๊ก กัน
ที่ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่สมบูรณ์. 
      

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

OM Charity 2nd




"ค่ายแรกของเรา"

                          นี่เป็นค่ายแรกของเราในรั้วมหาลัยเลยก็ว่าได้ ที่ไปแบบไปเป็นแนวจิตอาสาให้กับชุมชน ครั้งนี้เราไปเพราะเพื่อนชวนไป ก็ไป ก่อนไปเรารู้แค่เพียงว่าเราต้องไปนอนคนเดียวแยกกับเพื่อนที่เราสนิทอีก 2 คนเพราะเป็นสตาฟ เราก็ค่อนข้างกังวลเพราะเราไม่ค่อยกล้าคุยกับใครเท่าไหร่ เราเป็นคนเงียบๆ ชวนคุยไม่เป็น แต่ก็สมัครไปแล้วก็ต้องไปแหละจะมาเบี้ยวคงไม่ดี เราก็เตรียมเสื้อผ้า ยาต่างๆเต็มไปหมด พัดลมพกพา และบำรุงหน้านิดหน่อย แล้วก็ถุงนอน ถุงนอนเราค่อนข้างใหญ่กว่าของคนอื่นมากเลยถูกหาว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ เราใช้กระเป๋าลากเพราะตอนไปเชียงใหม่สะพายเป้แล้วปวดหลัง

                           วันแรก ของการเดินทางก็ไม่มีอะไรมาก ในความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนย้อนกลับไปค่ายลูกเสือ ตอน ม.3 นั่งรถพัดลมร้อนๆตากแดดไป ผมก็พันกันไปหมด ตอนนั้นยอมรับเลยว่าแบบหงุดหงิดนิดนึงเลยแหละ เพราะมันจี้ข้อเสียของเรามาก เราไม่ชอบที่ร้อนๆ ความอดทนต่ำกับความร้อนมากๆ กว่าจะไปถึงราชบุรีก็เย็นพอดี เราก็ไปทานข้าวเย็นกัน เราจำไม่ได้ว่ามื้อแรกเราทานอะไรไป แต่หลังจากทานเสร็จก็ได้เข้าโบสถ์แหละ รู้สึกสงบมากๆเลย มีกิจกรรมตอนกลางคืน เราใส่ชุดนอนไปแล้วเลยทำอะไรไม่ค่อยสะดวก คืนนั้นเราโดนทำโทษให้ไปเต้น แล้วเราก็เต้นไม่เก่งไม่เป็น เป็นคนขี้อายอ่ะ ก็กลัวคนอื่นกร่อยนะเจอคนแบเรา ปกติอยู่กับแต่หนังสือ ไม่ค่อยอยู่กับคน ฮาาาาาา 
                       คืนแรกของเราอาการซึมเศร้ากำเริบหนักมาก อาจจะเป็นเพราะเรากินยาผิดเวลาด้วย นอนในเต็นท์อีก ตอนนั้นในเต็นท์ที่เราพอคุยด้วยได้ก็มีแมวนี่แหละ แต่ตอนนั้นแมวไปช่วยพี่ๆทำอะไรข้างนอกไม่รู้ คือตอนนั้นเศร้ามากแล้วไม่รู็จะคุยกับใคร ไม่อยากให้คนอื่นมากังวลเรื่องเราด้วยเลยออกไปเดินเล่นข้างนอกโทรหาเพื่อนร้องไห้ คือตอนนั้นเศร้ามากคิดว่าคงไม่มีใครเห็น แต่เหมือนเราจะคิดผิด

                      วันที่สอง ก็มีไปปลูกข้าวโพด ไปดูชาวบ้านปลูกเห็ดและช่วยแก้ปัญหาให้เขา มีไปดูทำปุยฝ้าย วุ้นที่เอาผักมาทำ ตอนช่วงที่กำลังเดินไปดูปุยฝ้ายอ็อฟดันพูดเรื่องเราร้องไห้ออกมา ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆเลย เราอาจจะคิดมากด้วยว่าอ็อฟพูดเหมือนมันเป็นเรื่องขำๆพูดได้ แต่คือเราไม่ขำเมื่อคินเราเศร้ามากๆ เศร้าแบบแย่มากๆจริงๆ ตอนนั้นเราเลยไม่รู็จะทำอะไรเลย เลยไม่ได้ดูเขาทำปุยฝ้ายอะไรทั้งนั้น นั่งรู้สึกแย่ไป ตอนนั้นพยายามปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ ก็คิดตลอดว่าอ็อฟไม่รู็ว่าเราเป็นอะไร เขาก็แค่เห็นแล้วพูดมันออกมา อย่าไปโกรธเขาเลย พอตอนบ่ายเราก็โอเคขึ้นเยอะ ก็ทำกิจกรรมกับคนในกลุ่มสนุกดีนะ ตอนกลางคืนวันนี้มีรอบกองไฟ ก็สนุกดี 

                    วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก เข้าโบสถ์ เล่นกับเด็ก กลับ แวะสวนผึ้ง "เจอร้านขายกรอบรูปที่เราชอบมาก" แต่เสียดายที่ไม่มีขายออนไลน์


                  ปล.เราอาจจะเขียนไม่ละเอียดเพราะภาพความทรงจำมันเบลอๆไปบ้าง แต่เราจำทุกคนที่ไปค่ายได้ เราดีใจที่เราได้ไปค่ายนี้ เหมือนเป็นค่ายดัดนิสัยเราชั้นดีเลยแหละ ปกติเราไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนๆมากขึ้น ฝึกความอดทนตัวเองได้มองเห็นว่าทุกคนมีหลายด้าน อยู่ที่เราเลือกจะมองเขา ถ้าอยากให้โลกในใจเรามีความสุขก็เลือกมองด้านที่เราแฮปปี้กับมัน


"ทริปนี้เราขอจอบคุณแมวเป็นคนแรก ขอบคุณที่เข้ามาคุยกับเรา แมวเป็นคนน่ารักมาก"

"ขอบคุณเฟิร์น สา ที่ชวนมาและขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนและเป็นห่วงกัน"

"ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราหัวเราะยิ้ม และมีประสบการณ์ใหม่ๆ"



เผลอๆ

รูปนี้แมวถ่าย



15/02/2017



THE MUSIC ROOM KARAOKE

belated birthday party

คาราโอเกะ กับ พวกเรา คือสิ่งที่เกิดมาคู่กัน
เรานัดกันแบบปุปปัป ว่าจะไปร้องคาราโอเกะกัน เพื่อฉลองวันเกิดย้อนหลังของเรากับพลอยวี


สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราร้องเพลงรวดเดียว 2 ชม.ครึ่ง
ที่เรามาร้านนี้เพราะพวกเพื่อนๆอยากร้องเพลงเกาหลี คือเพลงเยอะมากๆรู้สึกคุ้มกับเงิน
ถึงแม้ห้องจะมีกลิ่นอับๆอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วเหมาะสมกับราคา
ชม.ละ 120 ร้อง 2 ชม ฟรี 30 นาที

วันนี้เป็นวันที่มีความสุขมาก
เรื่องจะจบเพียงแค่นี้ถ้าไม่มีข้อความจากเพื่อนให้ไปก้ำเป็นเพื่อน ฮา

หลังจากไปก้ำก็ไม่มีอะไรมาก มึนๆเมาๆแต่มีสติดีกว่าครั้งก่อนๆเยอะมาก  แต่นั่นแหละกลับมากินยาแล้วก็ไม่ดี เลยสรุปว่าต่อไปนี้ถ้าดื่มจะไม่กินยา



- F4 คงเป็นเพลงที่ชอบสุดในวันนั้น -

Manchester by the sea DAY



Manchester by the sea

                                วันนี้ได้มีโอกาสมาดูหนังเรื่อง Manchester by the sea แบบกะทันหันล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่เราจะไปดูหนังกัน เริ่มจากเพื่อนชวนไปดูหนังญี่ปุ่นเรื่องนึง และตกลงจะไปดูด้วยกัน และในคืนนั้นมีเพื่อนนักรีวิวหนัง ได้รีวิวเรื่องนี้ คืออ่านที่มันรีวิวแล้วแบบน่าดูมากๆ แต่พออ่านจบกลับจำไม่ได้นะว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไร ตัวละครชื่ออะไร
                               จนวันต่อมารอบหนังดันเปลี่ยนกะทันหัน ทำให้แผนนั้นเปลี่ยนมาดูเรื่องนี้แทน และไม่ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้จริงๆ ภาพสวยมาก เพลงประกอบ เนื้อเรื่อง นักแสดง แสดงออกมาให้เรารู้จริงๆว่าเขานั้นผ่านเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเขามาแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาดีขึ้ยมา หรือเอาง่ายๆเขาแม่งโคตรเบื่อการที่มีชีวิตอยู่ อยู่แบบรู้ว่าอยู่ไปวันๆจริงๆ ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มาก คิดว่าเป็นหนังในใจเราเลยว่ะ แม่งอิน ชีวิตจริงก็เงี้ยแหละเนอะ แค่ยอมรับมันว่าเราเอาชนะมันไม่ได้ทุกเรื่องหรอกว่ะ แล้วหนีไปอาจจะดีกว่าเผชิญมันทั้งๆที่ยืนไม่ไหว



- จบวันด้วยไก่บอนชอน -   

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

25/01/2017




"ปุ๋ยตอนเย็นไปรดน้ำตาด้วยนะลูก" ข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์
เหมือนโลกหยุดหมุนไป ภาพลอยขึ้นมา น้ำตาไหล สติหาย
ตอนนั้นพูดอยากเดียวว่าจะกลับบ้าน จะกลับบ้าน จะกลับบ้าน จะไปหาคุณตา
เขียนตอนนี้ก็ยังน้ำตาไหล

คุรตาเป็นคนที่หนูรักมากเหมือนพ่อแม่ของหนู
ตาเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด เลี้ยงดูหนูมาตลอด มีพระคุณกับหนูมาก
ตาเปรียบเสมือนสีฟ้าในชีวิตของหนู ตาเป็นความเย็นที่สยบทุกอย่างให้หนูนิ่ง
ตาเป็นความสบายใจเมื่อหนูอยู่ด้วย เป็นความสงบที่หนูอยากจะอยู่ด้วยตลอดไป

หนูรักตา
ตาอยู่ในใจของหนูเสมอและตลอดไป

OM 3Y3C TU






" 3 ปี 3 ค่าย"

                            วันนี้เป็นวันที่เรามาค่ายของเอกเรา เป็นครั้งแรกๆที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆให้สนิทกันมากขึ้น เด็กเอกเราปีเรามีทั้งหมด 10 คน แต่มาค่ายนี้กัน 8 คน ท้อปกับกุ๊ปไม่ได้มา วันแรกที่มาค่ายเอาจริงๆเราก็ยังไม่ค่อยสนิทกับใครมาก ที่พอจะสนิทก็มี เฟิร์น สา พั้นซ์ กับแมว สัว อ๊อฟ ปอนด์ เรายังไม่เคยคุยด้วยกันเลย แต่เราเจอสัวกับอ๊อฟบ่อยมากจากวิชาที่ผ่านๆมา แต่ก็ไม่เคยคุยหรือทักกัน
                                      วันแรกเราก็ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรนะ ไปดูงานที่นิคมอุจสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ความรู้ต่างๆดี แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาไปดูในพื้นที่ทำงานจริงๆ เป็นแค่เพียงการบรรยายแค่นั้นเอง ตอนกลางคืนตอนแรกเหมือนจะมีกิจกรรมให้ทำคือจะให้ไปช่วยผูกสายศีลมั้ง แต่ไม่มี ก็กลายเป็นบางคนดื่มเบียร์และนั่งคุยกันกับพวกพี่ๆ ก็ได้รู็เรื่องเรียนบ้าง เหมือนพี่ๆเขาจะได้ระบายนะ ฮาาา แต่แบบคืนนั้นก็มีจุดเปลี่ยน ตรงที่นาฬิกาปลุกกินยาเราดังขึ้นมาเลยต้องรีบไปกิน และคืนนั้นพี่เขาถามว่าเราเป็นอะไร ก็เลยตัดสินใจบอกไปว่าเราเป็นโรคซึมเศร้านะ เพราะตอนนั้นคิดว่าเราไม่อยากปิดบังเพื่อนเลย เราอยากให้เพื่อนเชื่อใจเราว่าเราเชื่อใจเขานะ เราเลยบอกเรื่องส่วนตัวอยากให้เขาสบายใจว่าเราไม่มีอะไรที่จะปิดเขา ตอนนั้นก็เฟลๆนิดนึง จนมีพี่แสตมป์เดินเข้ามาถามว่าโอเคไหม ตอนนั้นไม่ค่อยโอเคแต่โอเคขึ้นมากพอพี่มาถาม ก็ประทับใจพี่แสตมป์นะตั้งแต่ตอนนั้นแหละ 
                                   เราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เริ่มสนิทกันวันที่กินข้าวมื้อเย็นมื้อสุดท้ายแหละมั้งคิดว่า ได้นั่งกินโต๊ะเดียวกันกับเพื่อนๆ แต่มีเรื่องที่ทำเรารู้สึกเฟลๆนิดนึง คือเราใช้ช้อนกลางตักน้ำต้มยำ แล้วอ๊อฟพูดขึ้นมาว่า แค่นี้ต้องใช้ช้อนกลางด้วยหรอวะ ก็รู้สึกเฟลๆไป แบบเราก็คิดไปเองแหละว่าเพื่อนจะไม่ชอบเรารึเปล่า ที่เราใช้ช้อนกลาง ดูเรื่องมากไปไหม อนามัยไปไหม แต่คือปกติที่บ้านเราก็กินแบบนี้ ยายสอนมาแต่เด็กเลยติดนิสัย แต่เพื่อนคงไม่ได้คิดอะไรหรอก ก็เจื่อนๆไปเลยเลิกกินข้าว กุ้งเราก็ใช้ช้อนแกะคนอื่นใช้มือ เราก็ไม่ได้อะไรนะกุ้งใช้มืออ่ะปกติ แต่เราเห็นกุ้งอันนี้เปลือกแกะได้ก็ใช้ช้อนซ้อมแกะธรรมดา ไม่รู็จะอะไรรึเปล่าสรุปเราเริ่มแคร์เพื่อนกลุ่มนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะเราเริ่มคิดมากเริ่มแคร์ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีไหม



"ขอบคุณค่ายนี้ ขอบคุณที่ทำให้เรามาเจอพวกแก เราจะเรียนจบไปด้วยกันนะ"



ภาพนี้เราถ่ายเอง  ตอนถ่ายเรามีความสุขที่ได้มองพวกแกมากเบยยยย <3


หอศิลป์ สยาม ดีวีดีลิโด้






วันนี้ "เรามีนัดกัน"
   
                                เราก็จำไม่ได้แล้วอ่ะว่าวันไหนนะ ที่เราไปเที่ยวด้วยกันแต่ถ้าจำไม่ผิดก็คือก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่ ก็ขอย้อนกลับมาเขียนหน่อย เพราะเป็นความทรงจำที่มีความสุข ปกตอเราจะเขียนไดอารี่เวลาเศร้าๆแต่เราจะหัดใหม่ วันไหนที่เรามีความสุขเรายิ่งต้องเรียบเขียนมันลงไป เพื่อเราจะลืมความสุขนั้นไปชั่วขณะ

                                         วันนี้เรานัดกับ นัทและน้ำฝน ที่สยามตอนแรกเราไม่มีแผนกันเลยว่าจะไปหอศิลป์แต่แบบเราอยากไปกันหมดเลยก็เลยไปกัน เข้าไปดูงานศิลปะกันนานมาก และเราก็สนุกมาก ทุกคนต่างแยกเดินไปดูมุมที่ตัวเองสนใจแบบเงียบๆ ทุกคนในนั้นก็คงจินตนาการหาความหมายของภาพแต่ละภาพอยู่มั้ง ส่วนเราก็จินตนาการไปนั่นแหละ ภาพนี่มันให้ความรู้สึกได้เลยนะ รู็สึกดีเวลาที่เรามองบางที่ ที่ที่เราไม่เคยไปไม่เคยได้เห็นแต่ก็สัมผัสได้ แต่คงจะดีถ้าได้ไปเห็นด้วยตาของตัวเอง เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกันแหละ แล้วรูปที่เราชอบที่สุดดันเป็นรูปที่น้ำฝนไม่ชอบ แต่เราชอบนะ รูปข้างล่างนี่แหละ



"คุณภาพแห่งความสุข"

                          หลังจากนั้นเราก็ไปเดินชอปปิ้งกัน เพราะน้ำฝนชอบดูเสื้อผ้า เรากับนัทเฉยๆแต่เราก็ไปด้วยกัน ไปช่วยกันเลือกตัดสินใจ ถึงเราจะไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกันบางอย่าง แต่เราก็พร้อมที่จะรับฟังช่วยตัดสินใจ เพราะเราเต็มใจและยินดี เพราะคำว่าเพื่อนนั่นแหละ ที่ทำให้เราแคร์กันและกัน
                           กว่าน้ำงนจะเดินดูเสร็จก็เริ่มเย็น เรากับนัทไม่เลิกละความตั้งใจที่จะไปซื้อหนังมาดูที่อยู่ใต้ลิโด และเป็นคราวของน้ำฝนเช่นกันที่ต้องรอเราสองคนเลือกหนังเป็นชั่วโมงเหมือนกันกับตอนที่เรารอน้ำฝนเลือกเสื้อผ้า แต่ไม่มีใครบ่นใคร "เพราะเราเต็มใจ" อยู่เป็นเพื่อนกัน ขากลับเราก็รู็สึกแปลกๆเพราะนัดจะไปเรียนที่พะเยาแล้ว เหมือนไกลกันไปอีกนิด แต่น่าโลกเดี๋ยวนี้ติดต่อกันได้ง่ายเหลือเกิน คิดถึงนัทเหมือนกัน ณ ตอนที่พิมพ์อยู่ 

เชียงใหม่ วันสุดท้าย





วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่เชียงใหม่กัน และไปขึ้นรถไฟในตอนเช้า วันนี้ไม่มีอะรมากเลยเหมือนทุกคนได้นั่งทบทวนตัวเองกับเรื่องราว ความสุข ที่เราได้ไปทำมาด้วยกัน 

"มันคงจะดีมากๆ ถ้าเราได้มาด้วยกันบ่อยๆแบบนี้อีก หรือนานๆทีก็ยังดีน่า"

การเดินทางกับคนที่รู้ใจกัน ไปไหนหรือเจออุปสรรคอะไรเราก็พร้อมที่จะสนุกและมีความสุขไปด้วยกัน

รักพวกแกนะ และก็พวกแกด้วยคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน 

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สี่

- ซาวได้ก่ -
   
           วันนี้เป็นวันที่พวกเราได้นัด "ปติญ" ไว้ตอนบ่ายสองว่าจะไปกินอะไรด้วยกัน คิดถึงปติญมากดีใจมากๆที่ถึงวันนี้ ตอนเช้าเราอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายเนื่องจาก ขก ตื่น มะปรางและกัญยังเป็นคนแรกๆที่ตื่นมาอาบน้ำอยู่ดี กราบเขาหล่ะค่ะ วันนี้แพลนของเราค่อนข้างเยอะมาก เรียกว่าแน่นทั้งวันเลยหล่ะขอบอก
          มื้อเช้าของพวกเราในวันนี้ คือ "คั่วไก่นิมมาน" อร่อยมากๆ ไม่เคยกินอร่อยขนาดนี้มาก่อนเนื่องจากมาเช้าจึงไม่ต้องรอคิวนานเลย ระหว่างทางเดินไปร้านเราก็เจอกับ ยาหยีโฮสเทลของอนันดาสวยมาก คิดว่าคราวหน้าจะมาพักที่นี่แหละ เจอร้าน iberry รู้สึกว่าซอยแถวนี้จะรวมร้านสวยๆไว้แหละ ก่อนจะถึงร้าน น้ำฝนเจอร้านๆนึงน่ารักมากน้ำฝนอยากเข้าแต่เราตัดสินใจไปกินของหนักกันก่อน เราเลือกกินแบบกระทะร้อน คนอื่นกินแบบไม่กระทะร้อน เราเลือกกินอันนี้เพราะเราชอบร้อนๆ และเราเป็นคนชอบเลือกกินด้วย ถ้าดูจากเมื่อวานเราเป็นคนที่ค่อนข้างทุ่มกับสิ่งที่อยากกิน
          หลังจากกินเสร็จ เราก็ไปต่อกันที่ "ร้าน SS1254372 Cafe" เป็นร้านที่น่ารักมากๆมี แกลอรี่เล็กๆ ร้านแต่งสไตล์อาร์ตๆต้นไม้ค่อนข้างเยอะและร่มรื่น เราสั่ง Jasmine hot tea มาดื่ม เพราะเพิ่งอิ่มมาจากคั่วไก่ คนอื่นสั่งกาแฟและของหวาน ระหว่างนั่งรอคนอื่นก็ไปถ่ายรูปเรากับกัญนั่งเฝ้าของ คือจริงๆเราขี้เกียจไปถ่ายรูปอยากนั่งดูบรรยากาศ แต่เนื่องจากเพื่อนไปกันนานมากเราเลยถ่ายรูปกันเองเพราะเขามาเสิร์ฟเครื่องดื่มพอดี ทุกคนจะได้น้ำเปล่าคนละแก้วแต่พอดื่มไปพบว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่าเพราะในน้ำมีกลิ่นของเปลือกส้มอยู่ พอรู้แบบนี้ออมเลยไม่กินน้ำนั้นเลยเพราะออมไม่ชอบผักและผลไม้ เรากินกันหมดและได้เข้าไปดูใน แกลอรี่ข้างใน เป็นภาพคนเปลือยกายทั้งหมดไปอยู่ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ท่าแปลกๆ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นรูปอะไรพวกนี้อยากเปิดเผย "ของชายไทยเล็กมาก" นี่คือความคิดแรกที่เห็น ฮ่าฮ่าฮ่า
และเราตัดสินใจต่อว่าจะไป "วัดพระสิงห์" โดยการเดินแบบเปิดกูเกิ้ลแมบ....
         เราเดินทางไกลมากๆ ที่จะไปวัดพระสิงห์ เดินตามกูเกิ้ลแมบ มันให้เลี้ยวซอกแซกมากเราเลยถามกันว่า ขอดูหน่อยดิ เราสรุปได้ว่าเราสามารถเดินตรงไปถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายได้เลย ไม่ต้องเข้าไปข้างในเหมือนเป็นโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง แต่ทุกคนก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในตามกูเกิ้ลแมบ เพราะดูเหมือนจะมีที่หลบร่มมากกว่าเดินบนฟุตบาต และนั่น...คือการตัดสินใจที่ดีแล้ว จริงๆ เราเดินไปตามกูเกิ้ลและพบว่าพวกเราเข้ามาอยู่ในดงของคณะแพทย์ มช ซึ่งเหมือนกำลังมีกิจกรรมอะไรอยู่ เราเดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงดนตรีสดที่เล่นตรงไหนไม่รู้เพราะมาก มีเสียงเซกด้วย และเราก็เจอต้นเหตุที่เกิดเสียงไพเราะนี้ พวกเราทุกคนอ่อนระทวย มีความเขินนึกว่าเขาร้องให้ตัวเองกันทุกคน โดยเฉพาะเรากับมะปราง ฮ่าฮ่า จำไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไรแต่ฟินมาก เดินๆไปเรื่อยๆก็ถึง "วัดพระสิงห์"
        พอมาถึงก็รู้ว่าเราเข้ามาจากหลังวัด ก็ไหว้พระ ชมความงดงาม ในตัวโบสถ์(เราอาจจะใช้คำไม่ถูก เพราะเราไม่มีความรู้)มีภาพให้เราดูว่าเมืองเชียงใหม่แต่อดีตเป็นอย่างไรบ้าง สมัยก่อนเชียงใหม่เขาเล่นสงกรานต์กันน่ารักมาก วิถีชีวิตของคนสมัยก่อนนั้นช้าคนสมัยนี้มาก หลังจากที่เราไหว้พระเสร็จออมแวะดูร้านโปสการ์ดในวัด เราได้โปสการ์ดมาอันนึงแต่มันกูเหมือนการ์ดมากกว่าแต่ทำจากกระดาษสา สวยมาก ในราคา 35 บาท หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวเดินไปหา "ปติน" ที่เรานัดกันไว้ตรงสามกษัตริย์ นะหว่างทางเราเจอร้าน "Buri gallery house" ในร้านน่ารักมาก เป็นของ handmade ทั้งนั้น เป็นของไทยๆที่ประยุกต์ให้เข้ากับสากลไม่ไทยจัดมาก แต่ยังคงความเป็นไทยในสไตล์มินิมอล เสียเงินกับร้านนี้ไปกับโปสการ์ดที่น่ารักมากๆ และเกือบจะซื้อชาเก็กฮวยไปแล้วเพราะหอมมาก แต่เงินในกระเป๋ามันน้อยเหลือเกิน หลังจากที่คนอื่นเขียนโปสการ์ดส่งหาตัวเองแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปหา "ปติน"
        พอถึงที่หมายเราก็เจอปตินพอดี ด้วยความบังเอิญเราจึงเดินเข้าไปหาปตินกันด้วยความคิดถึงเราตั้งใจจะไปกิน "ก๋วยจั๊บอร่อย" เรามุ่งหน้าเดินตามกูเกิ้ลแมบไป และพอถึงร้านเราก็คิดว่า "นก" แน่ๆ ร้านบอกขายหมดนานแล้ว พวกเราเลยอดกิน เราเลยขอให้ทางร้านแนะนำร้านอร่อยๆแถวนี้ให้พวกเรา เขาแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวปลา ร้านข้าวมันไก่ เราตัดสินใจไป "ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา" รหว่างทางเจอร้านขายน้ำ ปตินกับกันเลยแวะซื้อรอสักพักเราจึงเดินไปร้าน แต่ก็เจอร้านโปสการ์ดอีก อมมจึงแวะ พอเสร็จเดินต่อเจอร้านขาย soft ice cream ทุกคนชะงักและบอกว่ากินก๋วยเตี๋ยวก่อนค่อยมากินติมกัน พอถึงร้านเราได้นั่งโต๊ะไม้ที่ใหญ่ที่สุดในร้าน สั่งๆกันทุกคน ทุกคนก็มองไปที่ตู้ปลาที่เปิดอะไรพร้อมแต่ไม่มีปลา แล้วก็งงๆกันไป กินเสร็จำวกเราก็ไปกิน softice cream ต่อหลังจากนั้นพวกเราก็ไปไหว้พระธาตุหลวง เราใส่ขาสั้นไปเลยต้องใส่ผ้าถุงแต่โชคดีที่สีเข้ากับเสื้อเราพอดี เลยได้โอกาสถ่ายรูปตัวอย่างชาวพุทธ ฮาาาา หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจว่า เราจะไปกาดหลวงกัน
       พวกเรานั่งรถแดงไปกาดหลวง "ซาวบาท" เราตั้งใจไปซื้อไส้อั่วกับรถด่วน และต้องเป็น "ไส้อั่วป้าพัน" พอไปถึงก็หาร้านที่ตัวเองตั้งใจจะมาซื้อกัน สรุปไส้อั่วป้าพันไม่มีเลยไม่ซื้อ แต่ได้รถด่วนมา 1 กระปุกใหญ่ในราคา 550 บาทหลังจากนั้นเราก็รอออมที่ซื้อแคบหมูเจ้าเด็ดร้านดังซักพัก ตอนนั้นก็แกะรถด่วนกินเลยด้วยความอยากมานานมากๆ หันไปมองพลอยวีทำหน้าแปลกๆเลยยื่นให้กิน พลอยวีหย้าแหยขึ้นมาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า เลยให้พลอยวีกินและปรากฎว่าไม่ชอบแหะ มะปรางก็ชอบหยิบกินด้วยกัน หลังจากรอออมเสร็จเราก็ดึ๊บๆ เดินกันไปต่อที่ร้านกาแฟ
      ร้านกาแฟนี้พลอยวีอยากมา เป็นคนพูดเกือบทุกวันว่าอยากมาๆกาแฟเนปาลๆ อะไรนี่แหละแต่ชื่อร้านจริงๆคือ "Thamel Coffee" ร้านนี้แต่งร้านให้บรรยากาศฌนปาลออกแนวนั้นแหละ อึมๆครึมๆสีจัดจ้านผ้าเต็มร้าน เราได้นั่งโต๊ะกลมทำให้รู็สึกเหมือนเป็นแม่บ้านมานั่งเมาส์มอยกันมากกว่า ขรรม หลังจากที่พวกเรากินกันเสร็จเราก็ตัดสินใจจะกลับที่พักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะไปเดินถนนท่าแพแล้วก็ไปต่อร้าน "North Gath Jazz Co-op" และอาจจะไป Zoe in yellow ที่กัญอยากไปแต่ส่วนตัวเราชอบร้านเพลงแจ๊สมากกว่า เราไม่ค่อยชอบเพลงตื๊ดๆ.. หลังจากนั้นเราแยกกับปติญที่กาดหลวง
     พอได้เวลาตอนเย็นเราก็ไปเดินถนนท่าแพกัน คนเยอะมาก เรากับออมจะเป็นลมตาลายคนเยอะไปหมด ออมได้โปสการ์ด เราได้กางเกงนอน 80 บาท คนอื่นได้ไหมไม่แน่ใจ แต่พวกเราได้กินลูกชิ้นปั้นสดซึ่งอร่อยมากๆ หลังจากนั้นพวกเราตัดสินใจไม่เดินต่อเพราะคนเยอะมากเลยเกินไปร้าน "North Gath Jazz" พอถึงร้านเหมือนพวกเราจะมาช้าไปมาก ไม่มีที่ให้พวกเรานั่งเลย แล้วก็มีแต่ฝรั่งแหละไม่มีคนไทยฟังแจ๊สเลยอ่อวะ อีกอย่างออมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ แต่แบบคนที่เล่นดนตรีสดข้างในคือเท่มาก ยืนฟังกันแปปนึงแล้วตัดสินใจว่า เออ ไป zoe in yellow ก็ได้เห็นกันอยากไปและนัดเพื่อนที่ มช ไว้แล้วก็ไปกัน
     พอถึงร้าน Zoe in yellow มันเป็นผับต้อง 20+ ซึ่งเรากับพลอยวี... ตอนนั้นใช้ความแรดเข้าไปและก็เข้าไปได้ อ่าหะ เออข้ามๆที่นี่ไปได้ไหมไม่ชอบเลยอ่ะ คือสั่งแสงโสมมากันเรากะไม่ดื่มอยู่แล้วแต่ก็ช่วยหารแหละ เราก็ไปเข้าห้องน้ำกับพลอยวี น้ำฝน ออม แล้วอีฝรั่งข้างหลังแม่งเต้นชนกุไม่หยุด มันตั้งใจกวนประสาท คือมันจะเข้าห้องน้ำแต่มีห้องเดียว แล้วมันจะไม่ต่อคิว เอานมเอาตูดชนอยู่นั่นแหละอีบ้าาาาาาาาาาา... สติมึงคงไปและอีนมโต พอกลับไปเพิ่งรู้ว่าพลอยวีโดนลูบ เออฝรั่งเวร พอมานั่งสักพักพลอยวีกับกันมะปรางไปเต้นตื้ดๆกันตรงดีเจ เรานั่งอยู่เฉยๆก็มีฝรั่งเซลงมากอด แล้วพูดว่า "I'm so sorry" กำลังจะพูด "Don't worry" ก็ไม่ฟังกุ ชั่งแม่ง แล้วอยู่ๆมันก็กอดอีกคราวนี้นี่โอบตัวกุเลจับแน่นมาก แล้วก็พูด "ขอโทษนะครับ" และก็มีคนไทยน่าจะเป็นการ์ดร้านลากออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นนี่แบบอีบ่ากูฟังอังกฤษรู้เรื่อง ไม่ต้องพูดไทยก็ได้ แล้วออมก็บอกว่ามันไม่ได้เมาออมเห็นกับตาว่ามันยืนเดินปกติ แล้วอยู่ๆมันก็ตั้งใจล้มมากอด เออดี แต่เอาจริงมันคงคิดว่าเราก็คงเป็นผู้หญิงแบบนั้นมั้ง ก็แต่งตัวโป๊อยู่ แต่ชอบแต่งแบบนี้ไงเวลามาเที่ยวงี้ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาโดนฟัน สรุปคือรู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะกับผับ เจอคนนัวกันจะเยกันบนโต๊ะอยู่แล้ว โอเค กลับ กินนม นอน

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สาม

- ซาวได้ก่ -

     เริ่มต้นวันด้วยการ...นอน ใครหลายคนคงตั้งใจที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยอินทนนท์ แต่พวกเราเลือกที่จะนอนและตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันเตรียมขึ้นรถเหลืองลงไปที่จอมทองแล้วต่อรถแดงเข้าเมืองไปเพื่อไปเก็บของที่ ที่พักก่อน
      พอถึงเวลาคุณลุงมารับที่ดอยชัวร์ญ่าพอดี สามตนนั้นที่มาขามากับพวกเราก็ขอติดรถไปด้วยตอนขาลงจากดอย ลืมบอกไปคืนที่พวกเรานอนกันบนดอยอินทนนท์ 3 องศา คุณลุงพาพวกเรามาส่งที่ถนนอะไรไม่รู้ที่กำลังจะเข้าเมือง ตอนนั้นเราปวดท้องมาก อยากเข้าห้องน้ำแต่มันไม่มีรอรถไปสักพักนึงเลยแหละกว่าจะเจอรถแดงที่เข้าในตัวเมือง นั่งเข้าตัวเมืองไปนานมากในความรู้สึก มีหนุ่มหล่อ 1 คนร่วมรถไปด้วยจำได้คนเดียวน่ารักดี ฮ่าฮ่าฮ่า พอเราลงปุ๊ปก็นั่งรถต่อไปนิมมานซฮย 13 และหาที่พัก ที่ชื่อว่า "Lifestyle" เรารู้แค่เพียงว่ามันอยู่ตรงร้าน subway เดินกันไปซักพักก็หาจนเจอ เราก็เอาของไปฝากไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลา check in หลังจากนั้นพวกเราตัดสินใจจะไปกิน "ต๋องเต็มโต๊ะ" อยู่ซอย 13 เห็นตอนที่นั่งรถแดงผ่านมา
      พวกเราเดินไปที่ร้าน "ต๋องเต็มโต๊ะ" และพบกับป้ายที่บอกว่าร้านปิดช่วงปีใหม่ เป็นช่วงเวลาทั้งหมดที่เราอยู่เชียงใหม่ เปิดอีกทีวันที่เรากลับ.... ความนกครั้งแรกของพวกเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ ตอนนั้นเราหิวมากๆแบบจะกินอะไรก็ได้แล้วอ่ะ แต่ต้องอร่อยนะไม่งั้นอารมณ์เสีย จนสุดท้ายสรุปได้ว่าเราจะไปกิน "ข้าวซอยนิมมาน"
      เราเดินไป "ร้านข้าวซอยนิมมาน" ด้วยความหิวแบบมากๆเพราะเรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยสักมื้อ เข้าไปจองคิวใช้เวลารอนานสักพัก เราได้โต๊ะแยกสองโต๊ะ เราได้นั่งกับพลอยวี กัญ คือโต๊ะเพื่อนเราอีกโต๊ะสั่งกันแต่ข้าวซอย แต่เราหิวมากเลยสั่งขนมจีนน้ำยาไป 1 เกี๊ยวลาบทอด 1 แล้วก็ข้าวซอย 1 เราก็บอกเืพ่อนว่าเดี๋ยวจ่ายเองเราหิวมาก เราอยากกินของอร่อยๆ มาทั้งทีและเราอยากกิน หลังจากนั้นกัญฏับพลอยวีเลยสั่ง อ่องปูมาอีก 1 โต๊ะเรากินอิ่มแบบกินหมดเลยคือเรากินเยอะมาก จริงๆอร่อยทุกอย่างเลยนะ เราสั่งข้าวซอยไส้อั่วไป อร่อยมั่กๆ มื้อนี้จ่่ายไปทั้งหมด 425 บาท
     หลังจากนั้นเราตัดสินใจจะไปอ่างแก้ว มช กันเพราะค่อนข้างเย็นแล้วเลยคิดว่าไปวัดไม่ทันและไม่ไปถนนวัวลายเนื่องจากวันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาก เนื่องจากการเดินทางมาเกือบครึ่งวันที่ลงมาตัวเมือง พวกเราตัดสินใจกลับที่พักไป check in และอาบน้ำกันก่อน พักผ่อนไรงี้ ห้องพักของพวกเรากว้างมาก มีที่ให้นั่งเล่นกันมีเบาะนิ่มๆหมอนๆนิ่มๆเต็มไปหมดเลย เราจองห้องพัก 8 เตียงคือเหมาะทั้งห้องในราคา 2 คืน 4500 บาทถือว่าถูกและคุ้มมากๆเพราะของพวกเราค่อนข้างเยอะ
      พอถึงเวลาจะไปอ่างแก้วเราหารถอยู่นานมากกว่าจะไป มช ได้ เหมือนรถติดตอนช่วงนั้น เราเลยเดินกันไปสักพักเพื่อจะเจอรถก็เดินๆไปเรื่อยๆจนเจอ "ร้านมนต์นมสด" ทุกคนแวะซื้อนมมากกิน เราซื้อแก้ว 1 แก้วแล้วก็อีก 1 ขวดเพราะกะจะกินก่อนนอน หลังจากนั้นเราหารถได้ไปอ่างแก้ว มช ในราคา 20 บาทต่อคน เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกัน มช บรรยากาศดีมาก เราผ่านตรงที่มีต้นไม้เยอะๆเหมือนในฉากของหนังเรื่องนึง "เพื่อนสนิท" เราอยากถ่ายูปแบบในหนังมาก ติดตรงที่เราไม่มีไข่ย้อยให้เราถ่ายรูปด้วย บรรยากาศดีมากๆลมเย็นๆแสงตอนเย็นๆ ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้รับปริญญาพอดี เลยมีคนมาถ่ายรูปเต็มเราก็อาศัยถ่ายตามมุมที่เขาถ่ายๆกัน ฮาาา เพราะคิดว่ามันคงสวยแหละ หลังจากนั้นเราตัดสินใจจะไปกินไก่ทอดเกาหลี  ที่ใกล้ๆวัดอุโมงค์มั้งเราคิดกันไปเอง
      พวกเราหาร้านนั้นด้วยการเสริชกูเกิ้ล เราตั้งใจจะไปกินร้านๆนึงซึ่งที่ๆเราจะไปนี้ เราคิดว่ามันคือที่นี่แหละแต่สรุปเราหลงมาผิดร้าน ผิดแบบ ผิดเลยอ่ะ แต่อร่อยมากเลยนะ อ่าเขาก็พาไปวัดอุโมงก่อนมันเขียนปิด 3 mุ่มพอเข้าไปบอกให้ขับออกเลย เพราะว่ามืดและเปลี่ยวมาก ให้ไปส่งร้านไก่ทอดเกาหลี ตามกูเกิ้ลแมบ พอถึงร้านพวกเราตกใจมาก เพราะร้านอยู่ในที่ที่ควรจะเรียนว่า "ลึกลับ" แต่รวมๆแล้วอร่อยมากและถูกมากขายในรคา 190 บาท ต่อ 1 กก. มี 5-6 รสชาติอร่อยหมดเลยทุดรสชาติ หลังจากนั้นพี่เขาอาสาไปส่งพวกเราถึงที่พัก พี่เจ้าของร้านใจดีมากและเพิ่งทราบตอนคุยกันว่าพี่เขาเป็นติวเตอร์ของ Enconcept พอถึงที่พักต่างคนต่างอาบน้ำและสลบ คืนนี้ดื่มกันอีก ยกเว้นเรากับออมเหมือนเดิมและก็เล่นเกมส์ spyfail อะไรสักอย่างที่เราเพิ่งพยายามหัดเล่น งงมาก เราค่อนข้างโง่อ่ะ งงมาก5555 และพวกเราก็นอนหลับดีเรานอนที่พื้นตรงที่นั่งเล่นเพราะมันกว้าง เราไม่สามรถนอนเตียงตรงนั้นเพราะค่อนข้างอยู๋ในมุม เดี๋ยวจะซึมเศร้าอีกก็เลยนอนตรงนี้ สบายมากๆเอาถุงนอนคุมอีกที หลับสบายมาก

14-01-2017
     

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สอง

- ซาวได้ก่ -

             5:00 - พวกเราถึงสถานีเชียงใหม่ด้วยความเหนื่อยล้าและความอึดอัดไม่สบายตัว แต่โชคดีที่มะปรางมีคุณอาอยู่ที่เชียงใหม่ คุณอามะปรางมารับตรงตามเวลาและพาพวกเราไปบ้านคุณอา เพื่ออาบน้ำและพักผ่อน บ้านคุณอาเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง บ้านค่อนข้างสไตล์เชียงใหม่ และมีหมาสองตัวที่เห่าเก่งมาก พวกเราสลับกันอาบน้ำและนอนพัก และแต่งหน้าแต่งตัว หลังจากนั้นคุณอามะปรางได้ทำการจัดแจงหารถเหลืองพาพวกเราเหมาขึ้นดอยอินทนนท์ในราคา 2400 บาท หนึ่งวันกับรับขากลับจากที่พักบนดอยชัวญ่า
             ข้าวเช้าของพวกเราคือ "โจ๊กสมเพชร" ขนาดพวกเราไปเช้าแต่คนเต็มร้านมากๆ ตอนนั่งรถคุณฮาให้เลือกระหว่างโจ๊กกับข้าวมันไก่ เราก็ดีใจเพราะเราไม่ชอบกินโจ๊กเลยแต่สรุปทุกคนอยากกินโจ๊ก โอเค ประชาธิปไตยเราต้องยอมรับ พอถึงก็กินโจ๊กหมูใส่ไข่ คืออร่อยมากๆจากคนที่ไม่ชอบเลยกลับกลายเป็น เหย อร่อยต้องมากินอีก พร้อมกับน้ำตาลสด 1 แก้ว มื้อนี้อามะปรางไม่ยอมให้พวกเราจ่าย หลังจากนั้น คุณอามะปรางก็ได้ขับรถไปส่งพวกเราที่วัดพระธาตุจอมทองเพื่อขึ้นดอยอินทนนท์ ระหว่างขับไป คุณอาบอกว่าจะพาพวกเราไปเลี้ยงที่ good view ตอนกลางคืนของอีกวัน และบอกว่าร้านโอ้กะจู๋ เป็นมายังไงทำไมชื่อนี้ และแนะนำการขึ้นรถเดินทางในเชียงใหม่ให้พวกเรา ซึ่งจำเป็นมากในวันพรุ่งนี้ที่พวกเราต้องกลับตัวเมือง ระหว่างทางคุณอาแวะปั๊มเราซื้อหมวกไหมพรหมมาเพราะคิดว่าไม่ไหวแน่ๆเตรียมชุดมาไม่พร้อมเท่าไหร่ พอถึงเราก็ขึ้นรถและขอบคุณคุณอา
           ลุงคนขับพูดภาษาเหนือใส่ พวกเราอึ้งแดก งงมาก นี่กะจะบอกว่าเราควรทำข้อตกลงกันว่าห้ามพูดภาษาเหนือใส่ กลัวแม่งโดนนินทา ฮาาา คุณลุงทำการตกลงกับพวกเราว่าจะพาไปเที่ยวนุ่นนี่นั่นให้ครบเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว ที่แรกที่คุณลุงพาไป คือ "น้ำตกสิริภูมิ"
           น้ำตกสิริภูมิ สวยมากๆแต่ก็มีแค่นั้นแหละ อืม มีแค่นั้นจริงๆตะไคร่เยอะระวังลื่นด้วย นี่โดยอะไรกัดไม่รู้เจ็บขามาก กลัวเป็นอะไรต่อย ก็กลัวตาย อยู่ๆก็มีคนแถวนั้นพูดมาว่า "ไม่ตายหรอก แค่มดกัด" หันไปมองอีกที แผลเริ่มบวม เออ ของป่าแม่งแรงจริง และพวกเราก็เตรียมไปกิ่วแม่ปานต่อ ตอนนั้นพวกมะปรางไปซื้อไอติมมากินแต่เราขึ้นรถมากับกัญเพื่อมาทาแซมบัค
         เมื่อถึง "กิ่วแม่ปาน" ตอนนั้นก็เที่ยงๆแหละมั้งถ้าจำไม่ผิด ไม่มีหมอกแล้ว ก็ดีแล้วเพราะพวกเราอยากเห็นวิว จริงๆคือเราตื่นสายและไม่มีแรงมากพอจะไปเช้าๆ เราเสียค่าไกด์นำทาง 200 บาท ไกด์เราชื่อพี่เจ่าเป็นชาวม้ง พี่เขาเดินมา 4 รอบแล้วทั้งวัน อึ้งมากๆ ก่วแม่ปานเป็นอะไรที่ทรมานมาก แต่ก็สวยคุ้มสุดๆไปเลย พอทะลุออกไปเหมือนสวรรค์ ทำให้เห็นว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่มาก มันมีความสวยงามมาก มองลงไปจะเห็นสิ่งที่มนุษย์บางกลุ่มที่เรียกว่านายทุน ที่ทำลายมันและไม่คิดถึงคนอื่น คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง เราใช้เวลาเดินกันทั้งหมด 2 ชม.ครึ่ง ทุกคนหิวกันมากเลยบอกลุงคนขับขอกินก่อน
เรามานั่งกินหมูย่างกับไก่ย่าง หมูย่าง 2 จาน ไก่ย่าง 1 จาน ข้าวเหนียวกี่ห่อจำไม่ได้รวมทั้งหมด 210 บาท และเราซื้อไข่ทรงเครื่อง 1 ไม้ 3 ฟอง 25 บาท และมีโค้กอีก 2 ขวด มื้อนั้นอร่อยมากสำหรับเราเพราะหิวมาก จากนั้นพวกเราก็ขึ้นไปถ่ายรูปจุดสูสุดยอกดอยอินทนนท์ แต่เราไม่ได้ไปถ่ายเพราะเราเหนื่อยและติดเกมส์ Otome ฮาฮ่าาา หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปวัดพระธาตุที่มีสองฝั่ง ระหว่างทางเราแวะรับคนเดิน 3 คนเป็นเด็ก มศว ที่เขาไม่ได้เหมารถและกะโบกเอาแต่หาไม่ได้พวกเราสงสารเลยรับมาด้วยกันเพราะจะไปพักที่เดียวกันด้วย
        พอถึง "วัดพระธาต" เรารีบไปถ่ายรูปคุณลุงให้เวลา 20 นาทีเราเข้าไปไหว้พระ ที่นั่นลมแรงมากเราจำได้ตอนที่เคยไปกับพี่ปั้น และครั้งนี้หนาวกว่าเดิม เราไปไม่ครบสองฝั่งเพราะเวลามีจำกัดหลังจากนั้นเราก็ไปที่พักกันเลย
      "ดอยชัวญ่า วิวสวย" ที่พักของพวกเราคืนนี้ พอถึงที่เราคิดค่าโดยสารของ 3 คนนั้น 300 บาท เราไปทำการจองเต็นท์และพื้นที่กางเต็นท์กับกัน และให้เืพ่อนคนที่เหลือเตรียมขนของ เราจองเต็นท์ 400 สองเต็นท์และก็เสื่อ 2 ผืน หมอน 1 ใบของออม หลังจากนั้นเราทำการสุ่มด้วยแอป random ว่าใครจะได้นอนกับใคร สรุปคือ เต็นท์แรก กัญ ออม ปุ๋ย เต็นทืสอง มะปราง น้ำฝน พลอยวี คืนนั้นเราปิ้งหมูกระทะกันกินด้วยราคาชุดใหญ่ 600 บาท เราเจอปัญหาคือตรงที่เรานั่งกินกันไม่มีแสงไฟพอที่จะมองเห็นกระทะ กัญเห็นความเป็นไปได้ที่จะเอาไปฉายมาคล้องไว้ที่หมวกไหมพรหมที่มีจุดของเรา และมันเวิร์คมากพอดีมากๆ มื้อนั้นเราเลยเหมือนคนที่ส่องไปส่องกบตอนกลางคืน พอกินเสร็จทุกคนไปล้างหน้าแปรงฟันและทุกคนตัดสินใจว่า จะไม่อาบน้ำ
     หลังจากนั้นทุกคนมารวมกันที่เต็นท์เราเพื่อนเล่นอะไรสนุกๆ พร้อมกับสปายซ์และฟูลมูน มีเรากับออมที่ไม่ดื่มกันสองคน และมีเราคนเดียวที่ไม่เล่นไพ่เพราะเราเล่นไพ่ไม่เป็น คืนนั้นเราง่วงมากๆ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเตรียมนอน คืนนั้นหนาวมาก ดีที่มีถุงนอนอุ่นมาก แต่มีสิ่งเดียวที่เหมือนจะรบกวนคนทั้งพื้นที่คือมีเต็นท์นังเมาใกล้ๆพวกเรา เสียงดังทั้งคืนมีคนออกมาว่าก็ไม่หยุดนะเฮ้ย คืนนั้นเราซึมเศร้านิดนึงเลยออกจากเต็นท์มาสูดอากาศก็ดีขึ้นแล้วก็ไปนอนได้ 1 ชมครึ่งก็ตื่น จบสำหรับวันแรก


เชียงใหม่วันแรก

-  ทริปซาวได้ก่ -

วันแรกเราออกเดินทางกันวันที่ 13/01/2017
เราเดินทางจากอยุธยาไปเชียงใหม่ด้วยการนั่งรถไฟ ชั้น 2 ที่เป็นพัดลม
เราออกจากสถานีอยุธยา 15:20 และถึงสถานีเชียงใหม่ 5:00 คือรถไฟช้ากว่าเวลาประมาณ 1 ชม.

ก่อนเดินทางพ่อขับรถมาส่งและแวะร้านกาแฟริมน้ำเพื่อความเพลิดเพลินของพ่อเอง ฮา
ตลอดการนั่งรถไฟเราไม่กินอะไรเลยเพราะกลัวว่าจะปวดท้อง
เนื่องจากเราเคยนั่งรถไฟมาเป็นเวลานานจึงรู็ว่าห้องน้ำรถไฟนั้นไม่ควรเข้าเลยสักนิดเดียว
ทริปนี้ มีเรา กัญ น้ำฝน พลอยวี ออม มะปราง เด็ก มธ ทั้งหมดเนื่องจากยังไม่เปิดเทอม
ทริปนี้สิ่งที่เราคาดหวังมากที่สุดคงเป็นการไปเจอ ปติญ เพื่อนที่เราคิดถึงมากๆ