วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

OM Charity 2nd




"ค่ายแรกของเรา"

                          นี่เป็นค่ายแรกของเราในรั้วมหาลัยเลยก็ว่าได้ ที่ไปแบบไปเป็นแนวจิตอาสาให้กับชุมชน ครั้งนี้เราไปเพราะเพื่อนชวนไป ก็ไป ก่อนไปเรารู้แค่เพียงว่าเราต้องไปนอนคนเดียวแยกกับเพื่อนที่เราสนิทอีก 2 คนเพราะเป็นสตาฟ เราก็ค่อนข้างกังวลเพราะเราไม่ค่อยกล้าคุยกับใครเท่าไหร่ เราเป็นคนเงียบๆ ชวนคุยไม่เป็น แต่ก็สมัครไปแล้วก็ต้องไปแหละจะมาเบี้ยวคงไม่ดี เราก็เตรียมเสื้อผ้า ยาต่างๆเต็มไปหมด พัดลมพกพา และบำรุงหน้านิดหน่อย แล้วก็ถุงนอน ถุงนอนเราค่อนข้างใหญ่กว่าของคนอื่นมากเลยถูกหาว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ เราใช้กระเป๋าลากเพราะตอนไปเชียงใหม่สะพายเป้แล้วปวดหลัง

                           วันแรก ของการเดินทางก็ไม่มีอะไรมาก ในความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนย้อนกลับไปค่ายลูกเสือ ตอน ม.3 นั่งรถพัดลมร้อนๆตากแดดไป ผมก็พันกันไปหมด ตอนนั้นยอมรับเลยว่าแบบหงุดหงิดนิดนึงเลยแหละ เพราะมันจี้ข้อเสียของเรามาก เราไม่ชอบที่ร้อนๆ ความอดทนต่ำกับความร้อนมากๆ กว่าจะไปถึงราชบุรีก็เย็นพอดี เราก็ไปทานข้าวเย็นกัน เราจำไม่ได้ว่ามื้อแรกเราทานอะไรไป แต่หลังจากทานเสร็จก็ได้เข้าโบสถ์แหละ รู้สึกสงบมากๆเลย มีกิจกรรมตอนกลางคืน เราใส่ชุดนอนไปแล้วเลยทำอะไรไม่ค่อยสะดวก คืนนั้นเราโดนทำโทษให้ไปเต้น แล้วเราก็เต้นไม่เก่งไม่เป็น เป็นคนขี้อายอ่ะ ก็กลัวคนอื่นกร่อยนะเจอคนแบเรา ปกติอยู่กับแต่หนังสือ ไม่ค่อยอยู่กับคน ฮาาาาาา 
                       คืนแรกของเราอาการซึมเศร้ากำเริบหนักมาก อาจจะเป็นเพราะเรากินยาผิดเวลาด้วย นอนในเต็นท์อีก ตอนนั้นในเต็นท์ที่เราพอคุยด้วยได้ก็มีแมวนี่แหละ แต่ตอนนั้นแมวไปช่วยพี่ๆทำอะไรข้างนอกไม่รู้ คือตอนนั้นเศร้ามากแล้วไม่รู็จะคุยกับใคร ไม่อยากให้คนอื่นมากังวลเรื่องเราด้วยเลยออกไปเดินเล่นข้างนอกโทรหาเพื่อนร้องไห้ คือตอนนั้นเศร้ามากคิดว่าคงไม่มีใครเห็น แต่เหมือนเราจะคิดผิด

                      วันที่สอง ก็มีไปปลูกข้าวโพด ไปดูชาวบ้านปลูกเห็ดและช่วยแก้ปัญหาให้เขา มีไปดูทำปุยฝ้าย วุ้นที่เอาผักมาทำ ตอนช่วงที่กำลังเดินไปดูปุยฝ้ายอ็อฟดันพูดเรื่องเราร้องไห้ออกมา ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆเลย เราอาจจะคิดมากด้วยว่าอ็อฟพูดเหมือนมันเป็นเรื่องขำๆพูดได้ แต่คือเราไม่ขำเมื่อคินเราเศร้ามากๆ เศร้าแบบแย่มากๆจริงๆ ตอนนั้นเราเลยไม่รู็จะทำอะไรเลย เลยไม่ได้ดูเขาทำปุยฝ้ายอะไรทั้งนั้น นั่งรู้สึกแย่ไป ตอนนั้นพยายามปรับอารมณ์ตัวเองอยู่ ก็คิดตลอดว่าอ็อฟไม่รู็ว่าเราเป็นอะไร เขาก็แค่เห็นแล้วพูดมันออกมา อย่าไปโกรธเขาเลย พอตอนบ่ายเราก็โอเคขึ้นเยอะ ก็ทำกิจกรรมกับคนในกลุ่มสนุกดีนะ ตอนกลางคืนวันนี้มีรอบกองไฟ ก็สนุกดี 

                    วันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก เข้าโบสถ์ เล่นกับเด็ก กลับ แวะสวนผึ้ง "เจอร้านขายกรอบรูปที่เราชอบมาก" แต่เสียดายที่ไม่มีขายออนไลน์


                  ปล.เราอาจจะเขียนไม่ละเอียดเพราะภาพความทรงจำมันเบลอๆไปบ้าง แต่เราจำทุกคนที่ไปค่ายได้ เราดีใจที่เราได้ไปค่ายนี้ เหมือนเป็นค่ายดัดนิสัยเราชั้นดีเลยแหละ ปกติเราไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนๆมากขึ้น ฝึกความอดทนตัวเองได้มองเห็นว่าทุกคนมีหลายด้าน อยู่ที่เราเลือกจะมองเขา ถ้าอยากให้โลกในใจเรามีความสุขก็เลือกมองด้านที่เราแฮปปี้กับมัน


"ทริปนี้เราขอจอบคุณแมวเป็นคนแรก ขอบคุณที่เข้ามาคุยกับเรา แมวเป็นคนน่ารักมาก"

"ขอบคุณเฟิร์น สา ที่ชวนมาและขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนและเป็นห่วงกัน"

"ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราหัวเราะยิ้ม และมีประสบการณ์ใหม่ๆ"



เผลอๆ

รูปนี้แมวถ่าย



15/02/2017



THE MUSIC ROOM KARAOKE

belated birthday party

คาราโอเกะ กับ พวกเรา คือสิ่งที่เกิดมาคู่กัน
เรานัดกันแบบปุปปัป ว่าจะไปร้องคาราโอเกะกัน เพื่อฉลองวันเกิดย้อนหลังของเรากับพลอยวี


สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราร้องเพลงรวดเดียว 2 ชม.ครึ่ง
ที่เรามาร้านนี้เพราะพวกเพื่อนๆอยากร้องเพลงเกาหลี คือเพลงเยอะมากๆรู้สึกคุ้มกับเงิน
ถึงแม้ห้องจะมีกลิ่นอับๆอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วเหมาะสมกับราคา
ชม.ละ 120 ร้อง 2 ชม ฟรี 30 นาที

วันนี้เป็นวันที่มีความสุขมาก
เรื่องจะจบเพียงแค่นี้ถ้าไม่มีข้อความจากเพื่อนให้ไปก้ำเป็นเพื่อน ฮา

หลังจากไปก้ำก็ไม่มีอะไรมาก มึนๆเมาๆแต่มีสติดีกว่าครั้งก่อนๆเยอะมาก  แต่นั่นแหละกลับมากินยาแล้วก็ไม่ดี เลยสรุปว่าต่อไปนี้ถ้าดื่มจะไม่กินยา



- F4 คงเป็นเพลงที่ชอบสุดในวันนั้น -

Manchester by the sea DAY



Manchester by the sea

                                วันนี้ได้มีโอกาสมาดูหนังเรื่อง Manchester by the sea แบบกะทันหันล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่เราจะไปดูหนังกัน เริ่มจากเพื่อนชวนไปดูหนังญี่ปุ่นเรื่องนึง และตกลงจะไปดูด้วยกัน และในคืนนั้นมีเพื่อนนักรีวิวหนัง ได้รีวิวเรื่องนี้ คืออ่านที่มันรีวิวแล้วแบบน่าดูมากๆ แต่พออ่านจบกลับจำไม่ได้นะว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไร ตัวละครชื่ออะไร
                               จนวันต่อมารอบหนังดันเปลี่ยนกะทันหัน ทำให้แผนนั้นเปลี่ยนมาดูเรื่องนี้แทน และไม่ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้จริงๆ ภาพสวยมาก เพลงประกอบ เนื้อเรื่อง นักแสดง แสดงออกมาให้เรารู้จริงๆว่าเขานั้นผ่านเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเขามาแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาดีขึ้ยมา หรือเอาง่ายๆเขาแม่งโคตรเบื่อการที่มีชีวิตอยู่ อยู่แบบรู้ว่าอยู่ไปวันๆจริงๆ ชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มาก คิดว่าเป็นหนังในใจเราเลยว่ะ แม่งอิน ชีวิตจริงก็เงี้ยแหละเนอะ แค่ยอมรับมันว่าเราเอาชนะมันไม่ได้ทุกเรื่องหรอกว่ะ แล้วหนีไปอาจจะดีกว่าเผชิญมันทั้งๆที่ยืนไม่ไหว



- จบวันด้วยไก่บอนชอน -   

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

25/01/2017




"ปุ๋ยตอนเย็นไปรดน้ำตาด้วยนะลูก" ข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์
เหมือนโลกหยุดหมุนไป ภาพลอยขึ้นมา น้ำตาไหล สติหาย
ตอนนั้นพูดอยากเดียวว่าจะกลับบ้าน จะกลับบ้าน จะกลับบ้าน จะไปหาคุณตา
เขียนตอนนี้ก็ยังน้ำตาไหล

คุรตาเป็นคนที่หนูรักมากเหมือนพ่อแม่ของหนู
ตาเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด เลี้ยงดูหนูมาตลอด มีพระคุณกับหนูมาก
ตาเปรียบเสมือนสีฟ้าในชีวิตของหนู ตาเป็นความเย็นที่สยบทุกอย่างให้หนูนิ่ง
ตาเป็นความสบายใจเมื่อหนูอยู่ด้วย เป็นความสงบที่หนูอยากจะอยู่ด้วยตลอดไป

หนูรักตา
ตาอยู่ในใจของหนูเสมอและตลอดไป

OM 3Y3C TU






" 3 ปี 3 ค่าย"

                            วันนี้เป็นวันที่เรามาค่ายของเอกเรา เป็นครั้งแรกๆที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆให้สนิทกันมากขึ้น เด็กเอกเราปีเรามีทั้งหมด 10 คน แต่มาค่ายนี้กัน 8 คน ท้อปกับกุ๊ปไม่ได้มา วันแรกที่มาค่ายเอาจริงๆเราก็ยังไม่ค่อยสนิทกับใครมาก ที่พอจะสนิทก็มี เฟิร์น สา พั้นซ์ กับแมว สัว อ๊อฟ ปอนด์ เรายังไม่เคยคุยด้วยกันเลย แต่เราเจอสัวกับอ๊อฟบ่อยมากจากวิชาที่ผ่านๆมา แต่ก็ไม่เคยคุยหรือทักกัน
                                      วันแรกเราก็ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรนะ ไปดูงานที่นิคมอุจสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ความรู้ต่างๆดี แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาไปดูในพื้นที่ทำงานจริงๆ เป็นแค่เพียงการบรรยายแค่นั้นเอง ตอนกลางคืนตอนแรกเหมือนจะมีกิจกรรมให้ทำคือจะให้ไปช่วยผูกสายศีลมั้ง แต่ไม่มี ก็กลายเป็นบางคนดื่มเบียร์และนั่งคุยกันกับพวกพี่ๆ ก็ได้รู็เรื่องเรียนบ้าง เหมือนพี่ๆเขาจะได้ระบายนะ ฮาาา แต่แบบคืนนั้นก็มีจุดเปลี่ยน ตรงที่นาฬิกาปลุกกินยาเราดังขึ้นมาเลยต้องรีบไปกิน และคืนนั้นพี่เขาถามว่าเราเป็นอะไร ก็เลยตัดสินใจบอกไปว่าเราเป็นโรคซึมเศร้านะ เพราะตอนนั้นคิดว่าเราไม่อยากปิดบังเพื่อนเลย เราอยากให้เพื่อนเชื่อใจเราว่าเราเชื่อใจเขานะ เราเลยบอกเรื่องส่วนตัวอยากให้เขาสบายใจว่าเราไม่มีอะไรที่จะปิดเขา ตอนนั้นก็เฟลๆนิดนึง จนมีพี่แสตมป์เดินเข้ามาถามว่าโอเคไหม ตอนนั้นไม่ค่อยโอเคแต่โอเคขึ้นมากพอพี่มาถาม ก็ประทับใจพี่แสตมป์นะตั้งแต่ตอนนั้นแหละ 
                                   เราก็จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่เริ่มสนิทกันวันที่กินข้าวมื้อเย็นมื้อสุดท้ายแหละมั้งคิดว่า ได้นั่งกินโต๊ะเดียวกันกับเพื่อนๆ แต่มีเรื่องที่ทำเรารู้สึกเฟลๆนิดนึง คือเราใช้ช้อนกลางตักน้ำต้มยำ แล้วอ๊อฟพูดขึ้นมาว่า แค่นี้ต้องใช้ช้อนกลางด้วยหรอวะ ก็รู้สึกเฟลๆไป แบบเราก็คิดไปเองแหละว่าเพื่อนจะไม่ชอบเรารึเปล่า ที่เราใช้ช้อนกลาง ดูเรื่องมากไปไหม อนามัยไปไหม แต่คือปกติที่บ้านเราก็กินแบบนี้ ยายสอนมาแต่เด็กเลยติดนิสัย แต่เพื่อนคงไม่ได้คิดอะไรหรอก ก็เจื่อนๆไปเลยเลิกกินข้าว กุ้งเราก็ใช้ช้อนแกะคนอื่นใช้มือ เราก็ไม่ได้อะไรนะกุ้งใช้มืออ่ะปกติ แต่เราเห็นกุ้งอันนี้เปลือกแกะได้ก็ใช้ช้อนซ้อมแกะธรรมดา ไม่รู็จะอะไรรึเปล่าสรุปเราเริ่มแคร์เพื่อนกลุ่มนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะเราเริ่มคิดมากเริ่มแคร์ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีไหม



"ขอบคุณค่ายนี้ ขอบคุณที่ทำให้เรามาเจอพวกแก เราจะเรียนจบไปด้วยกันนะ"



ภาพนี้เราถ่ายเอง  ตอนถ่ายเรามีความสุขที่ได้มองพวกแกมากเบยยยย <3


หอศิลป์ สยาม ดีวีดีลิโด้






วันนี้ "เรามีนัดกัน"
   
                                เราก็จำไม่ได้แล้วอ่ะว่าวันไหนนะ ที่เราไปเที่ยวด้วยกันแต่ถ้าจำไม่ผิดก็คือก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่ ก็ขอย้อนกลับมาเขียนหน่อย เพราะเป็นความทรงจำที่มีความสุข ปกตอเราจะเขียนไดอารี่เวลาเศร้าๆแต่เราจะหัดใหม่ วันไหนที่เรามีความสุขเรายิ่งต้องเรียบเขียนมันลงไป เพื่อเราจะลืมความสุขนั้นไปชั่วขณะ

                                         วันนี้เรานัดกับ นัทและน้ำฝน ที่สยามตอนแรกเราไม่มีแผนกันเลยว่าจะไปหอศิลป์แต่แบบเราอยากไปกันหมดเลยก็เลยไปกัน เข้าไปดูงานศิลปะกันนานมาก และเราก็สนุกมาก ทุกคนต่างแยกเดินไปดูมุมที่ตัวเองสนใจแบบเงียบๆ ทุกคนในนั้นก็คงจินตนาการหาความหมายของภาพแต่ละภาพอยู่มั้ง ส่วนเราก็จินตนาการไปนั่นแหละ ภาพนี่มันให้ความรู้สึกได้เลยนะ รู็สึกดีเวลาที่เรามองบางที่ ที่ที่เราไม่เคยไปไม่เคยได้เห็นแต่ก็สัมผัสได้ แต่คงจะดีถ้าได้ไปเห็นด้วยตาของตัวเอง เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกันแหละ แล้วรูปที่เราชอบที่สุดดันเป็นรูปที่น้ำฝนไม่ชอบ แต่เราชอบนะ รูปข้างล่างนี่แหละ



"คุณภาพแห่งความสุข"

                          หลังจากนั้นเราก็ไปเดินชอปปิ้งกัน เพราะน้ำฝนชอบดูเสื้อผ้า เรากับนัทเฉยๆแต่เราก็ไปด้วยกัน ไปช่วยกันเลือกตัดสินใจ ถึงเราจะไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกันบางอย่าง แต่เราก็พร้อมที่จะรับฟังช่วยตัดสินใจ เพราะเราเต็มใจและยินดี เพราะคำว่าเพื่อนนั่นแหละ ที่ทำให้เราแคร์กันและกัน
                           กว่าน้ำงนจะเดินดูเสร็จก็เริ่มเย็น เรากับนัทไม่เลิกละความตั้งใจที่จะไปซื้อหนังมาดูที่อยู่ใต้ลิโด และเป็นคราวของน้ำฝนเช่นกันที่ต้องรอเราสองคนเลือกหนังเป็นชั่วโมงเหมือนกันกับตอนที่เรารอน้ำฝนเลือกเสื้อผ้า แต่ไม่มีใครบ่นใคร "เพราะเราเต็มใจ" อยู่เป็นเพื่อนกัน ขากลับเราก็รู็สึกแปลกๆเพราะนัดจะไปเรียนที่พะเยาแล้ว เหมือนไกลกันไปอีกนิด แต่น่าโลกเดี๋ยวนี้ติดต่อกันได้ง่ายเหลือเกิน คิดถึงนัทเหมือนกัน ณ ตอนที่พิมพ์อยู่ 

เชียงใหม่ วันสุดท้าย





วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่เชียงใหม่กัน และไปขึ้นรถไฟในตอนเช้า วันนี้ไม่มีอะรมากเลยเหมือนทุกคนได้นั่งทบทวนตัวเองกับเรื่องราว ความสุข ที่เราได้ไปทำมาด้วยกัน 

"มันคงจะดีมากๆ ถ้าเราได้มาด้วยกันบ่อยๆแบบนี้อีก หรือนานๆทีก็ยังดีน่า"

การเดินทางกับคนที่รู้ใจกัน ไปไหนหรือเจออุปสรรคอะไรเราก็พร้อมที่จะสนุกและมีความสุขไปด้วยกัน

รักพวกแกนะ และก็พวกแกด้วยคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน