วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สี่

- ซาวได้ก่ -
   
           วันนี้เป็นวันที่พวกเราได้นัด "ปติญ" ไว้ตอนบ่ายสองว่าจะไปกินอะไรด้วยกัน คิดถึงปติญมากดีใจมากๆที่ถึงวันนี้ ตอนเช้าเราอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายเนื่องจาก ขก ตื่น มะปรางและกัญยังเป็นคนแรกๆที่ตื่นมาอาบน้ำอยู่ดี กราบเขาหล่ะค่ะ วันนี้แพลนของเราค่อนข้างเยอะมาก เรียกว่าแน่นทั้งวันเลยหล่ะขอบอก
          มื้อเช้าของพวกเราในวันนี้ คือ "คั่วไก่นิมมาน" อร่อยมากๆ ไม่เคยกินอร่อยขนาดนี้มาก่อนเนื่องจากมาเช้าจึงไม่ต้องรอคิวนานเลย ระหว่างทางเดินไปร้านเราก็เจอกับ ยาหยีโฮสเทลของอนันดาสวยมาก คิดว่าคราวหน้าจะมาพักที่นี่แหละ เจอร้าน iberry รู้สึกว่าซอยแถวนี้จะรวมร้านสวยๆไว้แหละ ก่อนจะถึงร้าน น้ำฝนเจอร้านๆนึงน่ารักมากน้ำฝนอยากเข้าแต่เราตัดสินใจไปกินของหนักกันก่อน เราเลือกกินแบบกระทะร้อน คนอื่นกินแบบไม่กระทะร้อน เราเลือกกินอันนี้เพราะเราชอบร้อนๆ และเราเป็นคนชอบเลือกกินด้วย ถ้าดูจากเมื่อวานเราเป็นคนที่ค่อนข้างทุ่มกับสิ่งที่อยากกิน
          หลังจากกินเสร็จ เราก็ไปต่อกันที่ "ร้าน SS1254372 Cafe" เป็นร้านที่น่ารักมากๆมี แกลอรี่เล็กๆ ร้านแต่งสไตล์อาร์ตๆต้นไม้ค่อนข้างเยอะและร่มรื่น เราสั่ง Jasmine hot tea มาดื่ม เพราะเพิ่งอิ่มมาจากคั่วไก่ คนอื่นสั่งกาแฟและของหวาน ระหว่างนั่งรอคนอื่นก็ไปถ่ายรูปเรากับกัญนั่งเฝ้าของ คือจริงๆเราขี้เกียจไปถ่ายรูปอยากนั่งดูบรรยากาศ แต่เนื่องจากเพื่อนไปกันนานมากเราเลยถ่ายรูปกันเองเพราะเขามาเสิร์ฟเครื่องดื่มพอดี ทุกคนจะได้น้ำเปล่าคนละแก้วแต่พอดื่มไปพบว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่าเพราะในน้ำมีกลิ่นของเปลือกส้มอยู่ พอรู้แบบนี้ออมเลยไม่กินน้ำนั้นเลยเพราะออมไม่ชอบผักและผลไม้ เรากินกันหมดและได้เข้าไปดูใน แกลอรี่ข้างใน เป็นภาพคนเปลือยกายทั้งหมดไปอยู่ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ท่าแปลกๆ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นรูปอะไรพวกนี้อยากเปิดเผย "ของชายไทยเล็กมาก" นี่คือความคิดแรกที่เห็น ฮ่าฮ่าฮ่า
และเราตัดสินใจต่อว่าจะไป "วัดพระสิงห์" โดยการเดินแบบเปิดกูเกิ้ลแมบ....
         เราเดินทางไกลมากๆ ที่จะไปวัดพระสิงห์ เดินตามกูเกิ้ลแมบ มันให้เลี้ยวซอกแซกมากเราเลยถามกันว่า ขอดูหน่อยดิ เราสรุปได้ว่าเราสามารถเดินตรงไปถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายได้เลย ไม่ต้องเข้าไปข้างในเหมือนเป็นโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง แต่ทุกคนก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในตามกูเกิ้ลแมบ เพราะดูเหมือนจะมีที่หลบร่มมากกว่าเดินบนฟุตบาต และนั่น...คือการตัดสินใจที่ดีแล้ว จริงๆ เราเดินไปตามกูเกิ้ลและพบว่าพวกเราเข้ามาอยู่ในดงของคณะแพทย์ มช ซึ่งเหมือนกำลังมีกิจกรรมอะไรอยู่ เราเดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงดนตรีสดที่เล่นตรงไหนไม่รู้เพราะมาก มีเสียงเซกด้วย และเราก็เจอต้นเหตุที่เกิดเสียงไพเราะนี้ พวกเราทุกคนอ่อนระทวย มีความเขินนึกว่าเขาร้องให้ตัวเองกันทุกคน โดยเฉพาะเรากับมะปราง ฮ่าฮ่า จำไม่ได้แล้วว่าเพลงอะไรแต่ฟินมาก เดินๆไปเรื่อยๆก็ถึง "วัดพระสิงห์"
        พอมาถึงก็รู้ว่าเราเข้ามาจากหลังวัด ก็ไหว้พระ ชมความงดงาม ในตัวโบสถ์(เราอาจจะใช้คำไม่ถูก เพราะเราไม่มีความรู้)มีภาพให้เราดูว่าเมืองเชียงใหม่แต่อดีตเป็นอย่างไรบ้าง สมัยก่อนเชียงใหม่เขาเล่นสงกรานต์กันน่ารักมาก วิถีชีวิตของคนสมัยก่อนนั้นช้าคนสมัยนี้มาก หลังจากที่เราไหว้พระเสร็จออมแวะดูร้านโปสการ์ดในวัด เราได้โปสการ์ดมาอันนึงแต่มันกูเหมือนการ์ดมากกว่าแต่ทำจากกระดาษสา สวยมาก ในราคา 35 บาท หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวเดินไปหา "ปติน" ที่เรานัดกันไว้ตรงสามกษัตริย์ นะหว่างทางเราเจอร้าน "Buri gallery house" ในร้านน่ารักมาก เป็นของ handmade ทั้งนั้น เป็นของไทยๆที่ประยุกต์ให้เข้ากับสากลไม่ไทยจัดมาก แต่ยังคงความเป็นไทยในสไตล์มินิมอล เสียเงินกับร้านนี้ไปกับโปสการ์ดที่น่ารักมากๆ และเกือบจะซื้อชาเก็กฮวยไปแล้วเพราะหอมมาก แต่เงินในกระเป๋ามันน้อยเหลือเกิน หลังจากที่คนอื่นเขียนโปสการ์ดส่งหาตัวเองแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปหา "ปติน"
        พอถึงที่หมายเราก็เจอปตินพอดี ด้วยความบังเอิญเราจึงเดินเข้าไปหาปตินกันด้วยความคิดถึงเราตั้งใจจะไปกิน "ก๋วยจั๊บอร่อย" เรามุ่งหน้าเดินตามกูเกิ้ลแมบไป และพอถึงร้านเราก็คิดว่า "นก" แน่ๆ ร้านบอกขายหมดนานแล้ว พวกเราเลยอดกิน เราเลยขอให้ทางร้านแนะนำร้านอร่อยๆแถวนี้ให้พวกเรา เขาแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวปลา ร้านข้าวมันไก่ เราตัดสินใจไป "ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา" รหว่างทางเจอร้านขายน้ำ ปตินกับกันเลยแวะซื้อรอสักพักเราจึงเดินไปร้าน แต่ก็เจอร้านโปสการ์ดอีก อมมจึงแวะ พอเสร็จเดินต่อเจอร้านขาย soft ice cream ทุกคนชะงักและบอกว่ากินก๋วยเตี๋ยวก่อนค่อยมากินติมกัน พอถึงร้านเราได้นั่งโต๊ะไม้ที่ใหญ่ที่สุดในร้าน สั่งๆกันทุกคน ทุกคนก็มองไปที่ตู้ปลาที่เปิดอะไรพร้อมแต่ไม่มีปลา แล้วก็งงๆกันไป กินเสร็จำวกเราก็ไปกิน softice cream ต่อหลังจากนั้นพวกเราก็ไปไหว้พระธาตุหลวง เราใส่ขาสั้นไปเลยต้องใส่ผ้าถุงแต่โชคดีที่สีเข้ากับเสื้อเราพอดี เลยได้โอกาสถ่ายรูปตัวอย่างชาวพุทธ ฮาาาา หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจว่า เราจะไปกาดหลวงกัน
       พวกเรานั่งรถแดงไปกาดหลวง "ซาวบาท" เราตั้งใจไปซื้อไส้อั่วกับรถด่วน และต้องเป็น "ไส้อั่วป้าพัน" พอไปถึงก็หาร้านที่ตัวเองตั้งใจจะมาซื้อกัน สรุปไส้อั่วป้าพันไม่มีเลยไม่ซื้อ แต่ได้รถด่วนมา 1 กระปุกใหญ่ในราคา 550 บาทหลังจากนั้นเราก็รอออมที่ซื้อแคบหมูเจ้าเด็ดร้านดังซักพัก ตอนนั้นก็แกะรถด่วนกินเลยด้วยความอยากมานานมากๆ หันไปมองพลอยวีทำหน้าแปลกๆเลยยื่นให้กิน พลอยวีหย้าแหยขึ้นมาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า เลยให้พลอยวีกินและปรากฎว่าไม่ชอบแหะ มะปรางก็ชอบหยิบกินด้วยกัน หลังจากรอออมเสร็จเราก็ดึ๊บๆ เดินกันไปต่อที่ร้านกาแฟ
      ร้านกาแฟนี้พลอยวีอยากมา เป็นคนพูดเกือบทุกวันว่าอยากมาๆกาแฟเนปาลๆ อะไรนี่แหละแต่ชื่อร้านจริงๆคือ "Thamel Coffee" ร้านนี้แต่งร้านให้บรรยากาศฌนปาลออกแนวนั้นแหละ อึมๆครึมๆสีจัดจ้านผ้าเต็มร้าน เราได้นั่งโต๊ะกลมทำให้รู็สึกเหมือนเป็นแม่บ้านมานั่งเมาส์มอยกันมากกว่า ขรรม หลังจากที่พวกเรากินกันเสร็จเราก็ตัดสินใจจะกลับที่พักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะไปเดินถนนท่าแพแล้วก็ไปต่อร้าน "North Gath Jazz Co-op" และอาจจะไป Zoe in yellow ที่กัญอยากไปแต่ส่วนตัวเราชอบร้านเพลงแจ๊สมากกว่า เราไม่ค่อยชอบเพลงตื๊ดๆ.. หลังจากนั้นเราแยกกับปติญที่กาดหลวง
     พอได้เวลาตอนเย็นเราก็ไปเดินถนนท่าแพกัน คนเยอะมาก เรากับออมจะเป็นลมตาลายคนเยอะไปหมด ออมได้โปสการ์ด เราได้กางเกงนอน 80 บาท คนอื่นได้ไหมไม่แน่ใจ แต่พวกเราได้กินลูกชิ้นปั้นสดซึ่งอร่อยมากๆ หลังจากนั้นพวกเราตัดสินใจไม่เดินต่อเพราะคนเยอะมากเลยเกินไปร้าน "North Gath Jazz" พอถึงร้านเหมือนพวกเราจะมาช้าไปมาก ไม่มีที่ให้พวกเรานั่งเลย แล้วก็มีแต่ฝรั่งแหละไม่มีคนไทยฟังแจ๊สเลยอ่อวะ อีกอย่างออมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ แต่แบบคนที่เล่นดนตรีสดข้างในคือเท่มาก ยืนฟังกันแปปนึงแล้วตัดสินใจว่า เออ ไป zoe in yellow ก็ได้เห็นกันอยากไปและนัดเพื่อนที่ มช ไว้แล้วก็ไปกัน
     พอถึงร้าน Zoe in yellow มันเป็นผับต้อง 20+ ซึ่งเรากับพลอยวี... ตอนนั้นใช้ความแรดเข้าไปและก็เข้าไปได้ อ่าหะ เออข้ามๆที่นี่ไปได้ไหมไม่ชอบเลยอ่ะ คือสั่งแสงโสมมากันเรากะไม่ดื่มอยู่แล้วแต่ก็ช่วยหารแหละ เราก็ไปเข้าห้องน้ำกับพลอยวี น้ำฝน ออม แล้วอีฝรั่งข้างหลังแม่งเต้นชนกุไม่หยุด มันตั้งใจกวนประสาท คือมันจะเข้าห้องน้ำแต่มีห้องเดียว แล้วมันจะไม่ต่อคิว เอานมเอาตูดชนอยู่นั่นแหละอีบ้าาาาาาาาาาา... สติมึงคงไปและอีนมโต พอกลับไปเพิ่งรู้ว่าพลอยวีโดนลูบ เออฝรั่งเวร พอมานั่งสักพักพลอยวีกับกันมะปรางไปเต้นตื้ดๆกันตรงดีเจ เรานั่งอยู่เฉยๆก็มีฝรั่งเซลงมากอด แล้วพูดว่า "I'm so sorry" กำลังจะพูด "Don't worry" ก็ไม่ฟังกุ ชั่งแม่ง แล้วอยู่ๆมันก็กอดอีกคราวนี้นี่โอบตัวกุเลจับแน่นมาก แล้วก็พูด "ขอโทษนะครับ" และก็มีคนไทยน่าจะเป็นการ์ดร้านลากออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นนี่แบบอีบ่ากูฟังอังกฤษรู้เรื่อง ไม่ต้องพูดไทยก็ได้ แล้วออมก็บอกว่ามันไม่ได้เมาออมเห็นกับตาว่ามันยืนเดินปกติ แล้วอยู่ๆมันก็ตั้งใจล้มมากอด เออดี แต่เอาจริงมันคงคิดว่าเราก็คงเป็นผู้หญิงแบบนั้นมั้ง ก็แต่งตัวโป๊อยู่ แต่ชอบแต่งแบบนี้ไงเวลามาเที่ยวงี้ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาโดนฟัน สรุปคือรู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะกับผับ เจอคนนัวกันจะเยกันบนโต๊ะอยู่แล้ว โอเค กลับ กินนม นอน

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สาม

- ซาวได้ก่ -

     เริ่มต้นวันด้วยการ...นอน ใครหลายคนคงตั้งใจที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยอินทนนท์ แต่พวกเราเลือกที่จะนอนและตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันเตรียมขึ้นรถเหลืองลงไปที่จอมทองแล้วต่อรถแดงเข้าเมืองไปเพื่อไปเก็บของที่ ที่พักก่อน
      พอถึงเวลาคุณลุงมารับที่ดอยชัวร์ญ่าพอดี สามตนนั้นที่มาขามากับพวกเราก็ขอติดรถไปด้วยตอนขาลงจากดอย ลืมบอกไปคืนที่พวกเรานอนกันบนดอยอินทนนท์ 3 องศา คุณลุงพาพวกเรามาส่งที่ถนนอะไรไม่รู้ที่กำลังจะเข้าเมือง ตอนนั้นเราปวดท้องมาก อยากเข้าห้องน้ำแต่มันไม่มีรอรถไปสักพักนึงเลยแหละกว่าจะเจอรถแดงที่เข้าในตัวเมือง นั่งเข้าตัวเมืองไปนานมากในความรู้สึก มีหนุ่มหล่อ 1 คนร่วมรถไปด้วยจำได้คนเดียวน่ารักดี ฮ่าฮ่าฮ่า พอเราลงปุ๊ปก็นั่งรถต่อไปนิมมานซฮย 13 และหาที่พัก ที่ชื่อว่า "Lifestyle" เรารู้แค่เพียงว่ามันอยู่ตรงร้าน subway เดินกันไปซักพักก็หาจนเจอ เราก็เอาของไปฝากไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลา check in หลังจากนั้นพวกเราตัดสินใจจะไปกิน "ต๋องเต็มโต๊ะ" อยู่ซอย 13 เห็นตอนที่นั่งรถแดงผ่านมา
      พวกเราเดินไปที่ร้าน "ต๋องเต็มโต๊ะ" และพบกับป้ายที่บอกว่าร้านปิดช่วงปีใหม่ เป็นช่วงเวลาทั้งหมดที่เราอยู่เชียงใหม่ เปิดอีกทีวันที่เรากลับ.... ความนกครั้งแรกของพวกเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ ตอนนั้นเราหิวมากๆแบบจะกินอะไรก็ได้แล้วอ่ะ แต่ต้องอร่อยนะไม่งั้นอารมณ์เสีย จนสุดท้ายสรุปได้ว่าเราจะไปกิน "ข้าวซอยนิมมาน"
      เราเดินไป "ร้านข้าวซอยนิมมาน" ด้วยความหิวแบบมากๆเพราะเรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยสักมื้อ เข้าไปจองคิวใช้เวลารอนานสักพัก เราได้โต๊ะแยกสองโต๊ะ เราได้นั่งกับพลอยวี กัญ คือโต๊ะเพื่อนเราอีกโต๊ะสั่งกันแต่ข้าวซอย แต่เราหิวมากเลยสั่งขนมจีนน้ำยาไป 1 เกี๊ยวลาบทอด 1 แล้วก็ข้าวซอย 1 เราก็บอกเืพ่อนว่าเดี๋ยวจ่ายเองเราหิวมาก เราอยากกินของอร่อยๆ มาทั้งทีและเราอยากกิน หลังจากนั้นกัญฏับพลอยวีเลยสั่ง อ่องปูมาอีก 1 โต๊ะเรากินอิ่มแบบกินหมดเลยคือเรากินเยอะมาก จริงๆอร่อยทุกอย่างเลยนะ เราสั่งข้าวซอยไส้อั่วไป อร่อยมั่กๆ มื้อนี้จ่่ายไปทั้งหมด 425 บาท
     หลังจากนั้นเราตัดสินใจจะไปอ่างแก้ว มช กันเพราะค่อนข้างเย็นแล้วเลยคิดว่าไปวัดไม่ทันและไม่ไปถนนวัวลายเนื่องจากวันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาก เนื่องจากการเดินทางมาเกือบครึ่งวันที่ลงมาตัวเมือง พวกเราตัดสินใจกลับที่พักไป check in และอาบน้ำกันก่อน พักผ่อนไรงี้ ห้องพักของพวกเรากว้างมาก มีที่ให้นั่งเล่นกันมีเบาะนิ่มๆหมอนๆนิ่มๆเต็มไปหมดเลย เราจองห้องพัก 8 เตียงคือเหมาะทั้งห้องในราคา 2 คืน 4500 บาทถือว่าถูกและคุ้มมากๆเพราะของพวกเราค่อนข้างเยอะ
      พอถึงเวลาจะไปอ่างแก้วเราหารถอยู่นานมากกว่าจะไป มช ได้ เหมือนรถติดตอนช่วงนั้น เราเลยเดินกันไปสักพักเพื่อจะเจอรถก็เดินๆไปเรื่อยๆจนเจอ "ร้านมนต์นมสด" ทุกคนแวะซื้อนมมากกิน เราซื้อแก้ว 1 แก้วแล้วก็อีก 1 ขวดเพราะกะจะกินก่อนนอน หลังจากนั้นเราหารถได้ไปอ่างแก้ว มช ในราคา 20 บาทต่อคน เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกัน มช บรรยากาศดีมาก เราผ่านตรงที่มีต้นไม้เยอะๆเหมือนในฉากของหนังเรื่องนึง "เพื่อนสนิท" เราอยากถ่ายูปแบบในหนังมาก ติดตรงที่เราไม่มีไข่ย้อยให้เราถ่ายรูปด้วย บรรยากาศดีมากๆลมเย็นๆแสงตอนเย็นๆ ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้รับปริญญาพอดี เลยมีคนมาถ่ายรูปเต็มเราก็อาศัยถ่ายตามมุมที่เขาถ่ายๆกัน ฮาาา เพราะคิดว่ามันคงสวยแหละ หลังจากนั้นเราตัดสินใจจะไปกินไก่ทอดเกาหลี  ที่ใกล้ๆวัดอุโมงค์มั้งเราคิดกันไปเอง
      พวกเราหาร้านนั้นด้วยการเสริชกูเกิ้ล เราตั้งใจจะไปกินร้านๆนึงซึ่งที่ๆเราจะไปนี้ เราคิดว่ามันคือที่นี่แหละแต่สรุปเราหลงมาผิดร้าน ผิดแบบ ผิดเลยอ่ะ แต่อร่อยมากเลยนะ อ่าเขาก็พาไปวัดอุโมงก่อนมันเขียนปิด 3 mุ่มพอเข้าไปบอกให้ขับออกเลย เพราะว่ามืดและเปลี่ยวมาก ให้ไปส่งร้านไก่ทอดเกาหลี ตามกูเกิ้ลแมบ พอถึงร้านพวกเราตกใจมาก เพราะร้านอยู่ในที่ที่ควรจะเรียนว่า "ลึกลับ" แต่รวมๆแล้วอร่อยมากและถูกมากขายในรคา 190 บาท ต่อ 1 กก. มี 5-6 รสชาติอร่อยหมดเลยทุดรสชาติ หลังจากนั้นพี่เขาอาสาไปส่งพวกเราถึงที่พัก พี่เจ้าของร้านใจดีมากและเพิ่งทราบตอนคุยกันว่าพี่เขาเป็นติวเตอร์ของ Enconcept พอถึงที่พักต่างคนต่างอาบน้ำและสลบ คืนนี้ดื่มกันอีก ยกเว้นเรากับออมเหมือนเดิมและก็เล่นเกมส์ spyfail อะไรสักอย่างที่เราเพิ่งพยายามหัดเล่น งงมาก เราค่อนข้างโง่อ่ะ งงมาก5555 และพวกเราก็นอนหลับดีเรานอนที่พื้นตรงที่นั่งเล่นเพราะมันกว้าง เราไม่สามรถนอนเตียงตรงนั้นเพราะค่อนข้างอยู๋ในมุม เดี๋ยวจะซึมเศร้าอีกก็เลยนอนตรงนี้ สบายมากๆเอาถุงนอนคุมอีกที หลับสบายมาก

14-01-2017
     

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

เชียงใหม่วันที่สอง

- ซาวได้ก่ -

             5:00 - พวกเราถึงสถานีเชียงใหม่ด้วยความเหนื่อยล้าและความอึดอัดไม่สบายตัว แต่โชคดีที่มะปรางมีคุณอาอยู่ที่เชียงใหม่ คุณอามะปรางมารับตรงตามเวลาและพาพวกเราไปบ้านคุณอา เพื่ออาบน้ำและพักผ่อน บ้านคุณอาเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง บ้านค่อนข้างสไตล์เชียงใหม่ และมีหมาสองตัวที่เห่าเก่งมาก พวกเราสลับกันอาบน้ำและนอนพัก และแต่งหน้าแต่งตัว หลังจากนั้นคุณอามะปรางได้ทำการจัดแจงหารถเหลืองพาพวกเราเหมาขึ้นดอยอินทนนท์ในราคา 2400 บาท หนึ่งวันกับรับขากลับจากที่พักบนดอยชัวญ่า
             ข้าวเช้าของพวกเราคือ "โจ๊กสมเพชร" ขนาดพวกเราไปเช้าแต่คนเต็มร้านมากๆ ตอนนั่งรถคุณฮาให้เลือกระหว่างโจ๊กกับข้าวมันไก่ เราก็ดีใจเพราะเราไม่ชอบกินโจ๊กเลยแต่สรุปทุกคนอยากกินโจ๊ก โอเค ประชาธิปไตยเราต้องยอมรับ พอถึงก็กินโจ๊กหมูใส่ไข่ คืออร่อยมากๆจากคนที่ไม่ชอบเลยกลับกลายเป็น เหย อร่อยต้องมากินอีก พร้อมกับน้ำตาลสด 1 แก้ว มื้อนี้อามะปรางไม่ยอมให้พวกเราจ่าย หลังจากนั้น คุณอามะปรางก็ได้ขับรถไปส่งพวกเราที่วัดพระธาตุจอมทองเพื่อขึ้นดอยอินทนนท์ ระหว่างขับไป คุณอาบอกว่าจะพาพวกเราไปเลี้ยงที่ good view ตอนกลางคืนของอีกวัน และบอกว่าร้านโอ้กะจู๋ เป็นมายังไงทำไมชื่อนี้ และแนะนำการขึ้นรถเดินทางในเชียงใหม่ให้พวกเรา ซึ่งจำเป็นมากในวันพรุ่งนี้ที่พวกเราต้องกลับตัวเมือง ระหว่างทางคุณอาแวะปั๊มเราซื้อหมวกไหมพรหมมาเพราะคิดว่าไม่ไหวแน่ๆเตรียมชุดมาไม่พร้อมเท่าไหร่ พอถึงเราก็ขึ้นรถและขอบคุณคุณอา
           ลุงคนขับพูดภาษาเหนือใส่ พวกเราอึ้งแดก งงมาก นี่กะจะบอกว่าเราควรทำข้อตกลงกันว่าห้ามพูดภาษาเหนือใส่ กลัวแม่งโดนนินทา ฮาาา คุณลุงทำการตกลงกับพวกเราว่าจะพาไปเที่ยวนุ่นนี่นั่นให้ครบเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว ที่แรกที่คุณลุงพาไป คือ "น้ำตกสิริภูมิ"
           น้ำตกสิริภูมิ สวยมากๆแต่ก็มีแค่นั้นแหละ อืม มีแค่นั้นจริงๆตะไคร่เยอะระวังลื่นด้วย นี่โดยอะไรกัดไม่รู้เจ็บขามาก กลัวเป็นอะไรต่อย ก็กลัวตาย อยู่ๆก็มีคนแถวนั้นพูดมาว่า "ไม่ตายหรอก แค่มดกัด" หันไปมองอีกที แผลเริ่มบวม เออ ของป่าแม่งแรงจริง และพวกเราก็เตรียมไปกิ่วแม่ปานต่อ ตอนนั้นพวกมะปรางไปซื้อไอติมมากินแต่เราขึ้นรถมากับกัญเพื่อมาทาแซมบัค
         เมื่อถึง "กิ่วแม่ปาน" ตอนนั้นก็เที่ยงๆแหละมั้งถ้าจำไม่ผิด ไม่มีหมอกแล้ว ก็ดีแล้วเพราะพวกเราอยากเห็นวิว จริงๆคือเราตื่นสายและไม่มีแรงมากพอจะไปเช้าๆ เราเสียค่าไกด์นำทาง 200 บาท ไกด์เราชื่อพี่เจ่าเป็นชาวม้ง พี่เขาเดินมา 4 รอบแล้วทั้งวัน อึ้งมากๆ ก่วแม่ปานเป็นอะไรที่ทรมานมาก แต่ก็สวยคุ้มสุดๆไปเลย พอทะลุออกไปเหมือนสวรรค์ ทำให้เห็นว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่มาก มันมีความสวยงามมาก มองลงไปจะเห็นสิ่งที่มนุษย์บางกลุ่มที่เรียกว่านายทุน ที่ทำลายมันและไม่คิดถึงคนอื่น คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง เราใช้เวลาเดินกันทั้งหมด 2 ชม.ครึ่ง ทุกคนหิวกันมากเลยบอกลุงคนขับขอกินก่อน
เรามานั่งกินหมูย่างกับไก่ย่าง หมูย่าง 2 จาน ไก่ย่าง 1 จาน ข้าวเหนียวกี่ห่อจำไม่ได้รวมทั้งหมด 210 บาท และเราซื้อไข่ทรงเครื่อง 1 ไม้ 3 ฟอง 25 บาท และมีโค้กอีก 2 ขวด มื้อนั้นอร่อยมากสำหรับเราเพราะหิวมาก จากนั้นพวกเราก็ขึ้นไปถ่ายรูปจุดสูสุดยอกดอยอินทนนท์ แต่เราไม่ได้ไปถ่ายเพราะเราเหนื่อยและติดเกมส์ Otome ฮาฮ่าาา หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปวัดพระธาตุที่มีสองฝั่ง ระหว่างทางเราแวะรับคนเดิน 3 คนเป็นเด็ก มศว ที่เขาไม่ได้เหมารถและกะโบกเอาแต่หาไม่ได้พวกเราสงสารเลยรับมาด้วยกันเพราะจะไปพักที่เดียวกันด้วย
        พอถึง "วัดพระธาต" เรารีบไปถ่ายรูปคุณลุงให้เวลา 20 นาทีเราเข้าไปไหว้พระ ที่นั่นลมแรงมากเราจำได้ตอนที่เคยไปกับพี่ปั้น และครั้งนี้หนาวกว่าเดิม เราไปไม่ครบสองฝั่งเพราะเวลามีจำกัดหลังจากนั้นเราก็ไปที่พักกันเลย
      "ดอยชัวญ่า วิวสวย" ที่พักของพวกเราคืนนี้ พอถึงที่เราคิดค่าโดยสารของ 3 คนนั้น 300 บาท เราไปทำการจองเต็นท์และพื้นที่กางเต็นท์กับกัน และให้เืพ่อนคนที่เหลือเตรียมขนของ เราจองเต็นท์ 400 สองเต็นท์และก็เสื่อ 2 ผืน หมอน 1 ใบของออม หลังจากนั้นเราทำการสุ่มด้วยแอป random ว่าใครจะได้นอนกับใคร สรุปคือ เต็นท์แรก กัญ ออม ปุ๋ย เต็นทืสอง มะปราง น้ำฝน พลอยวี คืนนั้นเราปิ้งหมูกระทะกันกินด้วยราคาชุดใหญ่ 600 บาท เราเจอปัญหาคือตรงที่เรานั่งกินกันไม่มีแสงไฟพอที่จะมองเห็นกระทะ กัญเห็นความเป็นไปได้ที่จะเอาไปฉายมาคล้องไว้ที่หมวกไหมพรหมที่มีจุดของเรา และมันเวิร์คมากพอดีมากๆ มื้อนั้นเราเลยเหมือนคนที่ส่องไปส่องกบตอนกลางคืน พอกินเสร็จทุกคนไปล้างหน้าแปรงฟันและทุกคนตัดสินใจว่า จะไม่อาบน้ำ
     หลังจากนั้นทุกคนมารวมกันที่เต็นท์เราเพื่อนเล่นอะไรสนุกๆ พร้อมกับสปายซ์และฟูลมูน มีเรากับออมที่ไม่ดื่มกันสองคน และมีเราคนเดียวที่ไม่เล่นไพ่เพราะเราเล่นไพ่ไม่เป็น คืนนั้นเราง่วงมากๆ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเตรียมนอน คืนนั้นหนาวมาก ดีที่มีถุงนอนอุ่นมาก แต่มีสิ่งเดียวที่เหมือนจะรบกวนคนทั้งพื้นที่คือมีเต็นท์นังเมาใกล้ๆพวกเรา เสียงดังทั้งคืนมีคนออกมาว่าก็ไม่หยุดนะเฮ้ย คืนนั้นเราซึมเศร้านิดนึงเลยออกจากเต็นท์มาสูดอากาศก็ดีขึ้นแล้วก็ไปนอนได้ 1 ชมครึ่งก็ตื่น จบสำหรับวันแรก


เชียงใหม่วันแรก

-  ทริปซาวได้ก่ -

วันแรกเราออกเดินทางกันวันที่ 13/01/2017
เราเดินทางจากอยุธยาไปเชียงใหม่ด้วยการนั่งรถไฟ ชั้น 2 ที่เป็นพัดลม
เราออกจากสถานีอยุธยา 15:20 และถึงสถานีเชียงใหม่ 5:00 คือรถไฟช้ากว่าเวลาประมาณ 1 ชม.

ก่อนเดินทางพ่อขับรถมาส่งและแวะร้านกาแฟริมน้ำเพื่อความเพลิดเพลินของพ่อเอง ฮา
ตลอดการนั่งรถไฟเราไม่กินอะไรเลยเพราะกลัวว่าจะปวดท้อง
เนื่องจากเราเคยนั่งรถไฟมาเป็นเวลานานจึงรู็ว่าห้องน้ำรถไฟนั้นไม่ควรเข้าเลยสักนิดเดียว
ทริปนี้ มีเรา กัญ น้ำฝน พลอยวี ออม มะปราง เด็ก มธ ทั้งหมดเนื่องจากยังไม่เปิดเทอม
ทริปนี้สิ่งที่เราคาดหวังมากที่สุดคงเป็นการไปเจอ ปติญ เพื่อนที่เราคิดถึงมากๆ